มทภ.3 ถกแก้ปัญหายาเสพติดภาคเหนือตอนบน เร่งหาแนวทางคุมสารตั้งต้น
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 09.00 น. พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 / ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ พร้อมด้วยนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการอำนวยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำนโยบาย และมาตรการในการสกัดกั้น ปราบปราม ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และหารือกรอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานในเรื่องของการดำเนินการในการควบคุมการส่งออกสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด และการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงผ่านระบบโลจิสติกส์ ตลอดจนสรุปผลการปฏิบัติการในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ไตรมาสที่ 1/62 (ตั้งแต่ตุลาคม 2561 – ปัจจุบัน)
ด้าน แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นวาระของชาติ รัฐบาลร่วมกันขับเคลื่อนในทุกๆ มิติ เพื่อบูรณาการงานในทุกๆ ภาคส่วนและจัดตั้งคณะกรรมการ ทั้งยังมีการติดตามในทุกๆ ระยะ ซึ่งจากปลายเดือนตุลาคม-เดือนมกราคม อยู่ในห้วงขับเคลื่อน 3 เดือนแรกให้เกิดผลในรูปธรรม จากสถิติการจับกุมมีจำนวนเพิ่มขึ้น 10 เท่า (ประมาณ130-140 ล้าน) แสดงให้เห็นว่ายังมีกระบวนการที่จะลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยอยู่ จึงต้องเพิ่มการสกัดกั้นไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ตามแนวชายแดน และเน้นย้ำการสกัดกั้นจับกุมในพื้นที่ตอนใน ไม่ว่าจะเป็นจุดตรวจ ด่านตรวจ และทุกๆ สถานที่ในเขตพื้นที่ โดยมีการดำเนินการอย่างเข้มข้นมากขึ้น
ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งที่จะดูแลในพื้นที่ชายแดนทั้ง 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเชียงดาว แม่อาย เวียงแหง ไชยปราการ และฝาง โดยเฉพาะพื้นที่แม่อาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปฏิบัติการที่เฝ้าระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากใน 2 เดือนที่ผ่านมา มีปัญหาการจับกุมยาเสพติดตรงจุดนั้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนใน โดยส่วนนี้จะดูแลในเรื่องของการจัดระเบียบสังคม และกลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือกลุ่มเด็ก เยาวชนและผู้ใช้แรงงาน เป็นเรื่องที่ต้องดูแลให้ครอบคลุม นอกจากนั้นในส่วนของการทำงานยังคงยึดหลักทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน โดยเน้นให้ความสำคัญสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดนใช้ระบบชุมชนหรือหมู่บ้านที่เข้มแข็งเพื่อเป็นเกาะป้องกัน
สำหรับ สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่สามจังหวัดใช้แดนภาคเหนือ ซึ่งมีแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านยังคงผลิตยาเสพติดประเภทยาบ้า ไอซ์และเฮโรอีนได้เป็นจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมา สาเหตุเนื่องจากสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดยังคงสามารถส่งเข้าแหล่งผลิตยาเสพติดได้หลายทิศทางอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการลักลอบลำเลียงเข้าสู่เขตไทยยังคงดำเนินการมาโดยตลอด และสามารถส่งเข้ามาทดแทนยาเสพติดที่ถูกจับกุมได้ สำหรับทิศทางการลำเลียงยาเสพติดส่วนใหญ่จะถูกส่งไปลักลอบนำเข้าทางด้านจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น ส่วนที่เหลือจะกระจายไปทางด้านจังหวัดเชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอนตามลำดับ
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำหนดมาตรการในการสกัดกั้น ปราบปราม ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งในที่ประชุมได้สรุปผลการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ถึง มกราคม 2562 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถยึดยาบ้าได้จำนวน 122,290,521 เม็ด, ไอซ์ จำนวน 1,051.67 กิโลกรัม, เฮโรฮีน จำนวน 71.71 กิโลกรัม, ฝิ่น จำนวน 29.70 กิโลกรัม, เคตามีน จำนวน 99 กิโลกรัม และจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 292 ราย พร้อมทั้งได้หารือแนวทางและทบทวนแผนการสกัดกั้น ปราบปราม ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ กำหนดแนวทางและแก้ไขปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้ครบทุกมิติ ทั้งในด้านของการ ป้องกัน ปราบปราม สกัดกั้น และสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อก่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาด้านยาเสพติดอย่างยั่งยืน