เชียงใหม่แถลงข่าวและเสวนาการเดินหน้าผลักดัน “เชียงใหม่เมืองกาแฟ” ต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือกระทรวงเกษตรฯ ภาคเอกชนต้นน้ำ-ปลายน้ำ และผู้ผลิตกาแฟอาเซียน จัดการประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 หวังร่วมสร้างอาเซียนเป็นแหล่งผลิตกาแฟสำคัญของโลก ระหว่างวันที่ 14 -17 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่
อนาคตกาแฟอาเซียนรุ่งรับการเติบโตธุรกิจกาแฟโลก ด้านจังหวัดเชียงใหม่ เดินหน้ายุทธศาสตร์กาแฟแห่งจังหวัดเชียงใหม่ 2561 – 2565 ผลักดันเชียงใหม่เมืองกาแฟต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือกระทรวงเกษตรฯ ภาคเอกชนต้นน้ำ-ปลายน้ำ และผู้ผลิตกาแฟอาเซียนจัดการประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 (1st ASEAN1 Coffee Industry Development Conference: 1st ACID) ขึ้น ระหว่างวันที่ 14 -17 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ หวังร่วมมือสร้างอาเซียนเป็นแหล่งผลิตกาแฟสำคัญของโลกวันที่ 14 ม.ค.62 เวลา 14.30 น. ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ นายมนัส ขันใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในแถลงข่าวการประชุมฯ และการจัดเสวนาฯ พร้อมเผยถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเมืองกาแฟอย่างแท้จริงว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีศักยภาพและความพร้อมอย่างมากในการก้าวสู่เมืองกาแฟที่สำคัญของโลก ด้วยองค์ประกอบที่เป็นทั้งพื้นที่เพาะปลูกและแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพซึ่งเป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมกาแฟ มีธุรกิจร้านกาแฟมากกว่า 1,000 แห่ง รวมถึงมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกาแฟและการแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นในส่วนของกลางน้ำและปลายน้ำอย่างครบวงจร โดยทางจังหวัดฯ ได้มีการวางยุทธศาสตร์กาแฟแห่งจังหวัดเชียงใหม่ 2561-2565 ไว้ โดยมุ่งเน้นใน 5 ส่วนสำคัญ คือ 1. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาคุณภาพผลผลิตโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม 2. พัฒนาการแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่ม 3. พัฒนาด้านการตลาด 4. การวิจัยและพัฒนาและกลยุทธ์ 5. การบริหารจัดการ
ซึ่งแนวทางการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงการเชื่อมโยงความร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตกาแฟในอาเซียนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อุตสาหกรรมกาแฟในระดับภูมิภาค โดยล่าสุดได้มีการร่วมมือกับ 12 หน่วยงานภาครัฐ สมาคม และ เอกชน ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพ สมาพันธ์กาแฟอาเซียน สมาคมบาริสต้าไทย สมาคมกาแฟไทย สมาคมชาวสวนกาแฟไทย สมาคมกาแฟและชาไทย มูลนิธิชาวสวนกาแฟ และ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จัดการประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 ขึ้น โดยมีเป้าหมายในการแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างความเชื่อมโยงในการพัฒนาและสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟของอาเซียนให้เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของโลก
ทางด้านดร.อนันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย และ ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 กล่าวถึงทิศทางของอุตสาหกรรมกาแฟของไทยว่า ยังมีการเติบโตที่โดดเด่นต่อเนื่องมีมูลค่ารวมสูงถึง 35,558 ล้านบาท ส่วนธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 21,220 ล้านบาท ขยายตัวประมาณร้อยละ 10 โดยความต้องการบริโภคกาแฟและใช้ในอุตสาหกรรมเพิ่มสูงถึง 1 แสนตัน ในขณะที่ผลผลิตกาแฟรวมภายในประเทศอยู่ทีประมาณ 30,000 ตัน ทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่หลายประเทศในกลุ่มอาเซียน ทั้ง เวียดนาม อินโดนีเซีย ลาว พม่า และ ไทย ล้วนเป็นแหล่งผลิตกาแฟคุณภาพดีที่ทั่วโลกต้องการ ซึ่งหากมีการเชื่อมโยงและร่วมมือกันจะทำให้ภูมิภาคอาเซียนกลายเป็นหนึ่งในแหล่งกาแฟที่สำคัญของโลกได้
ด้วยเหตุนี้การประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียน ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 -17 กุมภาพันธ์ 2562
ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทยและอาเซียน โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การประชุมสัมมนาโดยนักวิชาการและนักธุรกิจจากนานาชาติที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมกาแฟระดับโลก นิทรรศการ, การจัดแสดงนิทรรศการผลงานด้านวิชาการและงานแสดงสินค้า โดยองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวของกับอุตสาหกรรมกาแฟ, การเปิดโอกาสหาพันธมิตรและเจรจาธุรกิจของทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นกิจการด้านการเกษตร กิจการโรงคั่ว กิจการโรงงาน กิจการเครื่องมือและเทคโนโลยีในการประกอบธุรกิจกาแฟ กิจการร้านค้ากาแฟ และ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจกาแฟ, พาวิลเลี่ยนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศอื่นๆ, การแข่งขันศิลปะบนถ้วยกาแฟ (1st ACID Latte Art Championship)และ ผู้มีทักษะในการชงกาแฟด้วยมือโดยใช้กระดาษกรองระดับนานาชาติ (1st ACID Brewers Cup Championship) ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และการเยี่ยมชมดูงานด้านกาแฟ อาทิ โครงการหลวง แหล่งปลูกกาแฟ โรงคั่วกาแฟ และร้านกาแฟ
จึงอยากเชิญชวนให้ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมกาแฟและผู้สนใจในกาแฟเข้าร่วมชมงานในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการจัดงานที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟจากต้นน้ำยังปลายน้ำได้อย่างแท้จริง ดร.อนันต์ฯ กล่าวทิ้งท้าย.
ทรงวุฒิ ทับทอง ภาพ/ข่าว