13 มีนาคม 2568 ที่วัดด่านแม่คำมัน ต.ด่านแม่คำมัน อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ พุทธศาสนิกชนชาวตำบลด่านแม่คำมันได้ร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทอดผ้าไตร 4 ไตร ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล ที่กำลังจะสูญหายจากหมู่บ้าน ซึ่งพุทธศาสนิกชนตำบลด่านแม่คำมัน ยังคงอนุรักษ์สืบสานต่อยอดให้ลูกหลาน โดยจำลองเหตุการณ์ครั้นสมัยพุทธกาลด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านพร้อมใจประดิษฐ์ช้าง 4 เชือก ด้วยการนำไม้ไผ่สานเป็นโครงตัวช้าง จากนั้นนำนุ่นอัดด้านในโครง นำผ้าห่มคลุมเป็นผิวของช้างทาสี เป็นช้างเผือก ช้างดำ นำเสลี่ยงวางบนหลังช้างเพื่อชมความงดงามของโบราณ และนำผ้าไตรวางเชือกละ 1 ผืน จัดสิ่งของที่นำถวายพระสงฆ์ บาตร 4 ลูก เครื่องอัฐบริขาร ของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับพระภิกษุสงฆ์
จากนั้นนิมนต์พระสงฆ์ 4 รูปบนธรรมาสน์ พุทธศาสนิกชนทอดผ้าสี่ไตร หลังพิจารณาผ้าไตร พระสงฆ์เปลี่ยนผ้าไตรจีวร ตามที่พุทธศาสนิกชนถวาย ก่อนจะเทศนาธรรมให้กับญาติโยม โดยทั่วทั้งศาลาการเปรียญวัดได้มีการผูกโยงสายสิญจน์ จุดเทียนในโอ่งน้ำมนต์ และ ญาติโยมจุดเทียนน้ำมนต์ 100 เล่ม เพื่อทำการสืบชะตาตามความเชื่อโบราณ เพื่อต่อดวงชะตาหรือต่ออายุให้ยืนยาว มุ่งหวังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งภายหลังจากการเสร็จสิ้นพิธี พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมพิธี ต่างนำขวดมากรอกน้ำมนต์ที่ประกอบพิธี เพื่อนำไปอาบไปดื่มเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะเชื่อกันว่า น้ำมนต์ที่ผ่านพิธีกรรม จะเป็นน้ำพุทธมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ แต่ที่พลาดไม่ได้คือ ช่วงนี้เป็นช่วงไกล้วันฉลากกินแบ่งรัฐบาลไกล้จะออก สายมูต่างพากันมาส่องเลขขันน้ำมนต์ที่น้ำตาเทียนหยดลงในน้ำปรากฏเป็นตัวเลข ซึ่งชาวบ้านจะมองเห็นเป็นตัวเลขแตกต่างกัน แต่ที่เห็นชัดคือ เลข 801-806 สายมูต่างก็นำโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้เพื่อนำไปเสี่ยงโชคในงวดวันที่ 16 มีนาคม ที่จะถึงนี้
นายสุเวท โม้คำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ด่านแม่คำมัน กล่าวว่า ประเพณีทอดผ้าสี่ไตร ครั้นสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุสี่รูปขณะเดินทางกลับจากไปเอาคัมภีร์ มาถึงเมืองศิวิรัฐนคร มีเศรษฐีนำช้าง 4 เชือกใส่ผ้าไตร เอาม้า 4 ตัวใส่เครื่องอัฐบริขาร มีดอกไม้เงินดอกไม้คำอย่างละ 4 ต้น,บาตร 4 ลูก, ตุงใจ 4 ผืน, หีบ 4 ใบที่ในหีบใส่แผ่นเงิน แผ่นทอง ข้าว ประทีบ เทียน ธูป เพื่อเป็นของปูจา หรือถวายแด่พระภิกษุสี่รูป ก่อนพระสงฆ์เทศนาธรรม เมื่อทอดผ้าสี่ไตรเสร็จ เกิดแสงสว่างส่งไปถึงพระอินทร์ เป็นอานิสงค์จากการทอดผ้าสี่ไตรของมหาเศรษฐี กลายเป็นประเพณีสืบทอด ในช่วงเดือน 4 และ เดือน 6 (ของชาวล้านนา) จะมีการทอดผ้าสี่ไตร หรือ ผ้าสี่จุม (ภาษาเหนือ) ที่เชื่อว่าหากพุทธศาสนิกชนได้ทอดผ้าสี่ไตรเป็นบุญใหญ่อานิสงค์ยิ่งกว่าทอดกฐิน จึงได้ร่วมกันฟื้นฟูประเพณีดังกล่าวก่อนจะเลือนหายไปจากเมืองลับแล โดยได้สืบสานต่อยอดติดต่อมาได้ 3 ปีแล้ว
นาคา คะเลิศรัมย์ รายงาน