4 กุมภาพันธ์ 68 นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายธรณิศ เทพแพงตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม
นายธรณิศ เทพแพงตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ด ได้สรุปการถอดบทเรียนการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 ปรากฎว่าได้ผลการวิเคราะห์เชิงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ ประกอบด้วย ด้านคน ส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะพฤติกรรมการขับรถเร็ว และดื่มแล้วขับ ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนตโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ขาดความรู้ ความชำนาญในการใช้รถใช้ถนน มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาท เสี่ยงอันตรายไม่เคารพกฎหมาย และมีการตัดหน้ากระชั้นชิด ด้านยานพาหนะ รถจักรยานยนต์เกิดอบัติเหตุทางถนนสูงสุด (ร้อยละ 70) รองลงมาเป็นรถปิคอัพ (ร้อยละ 22.50) ยานพาหนะไม่พร้อมใช้งาน/อุปกรณ์ส่วนควบของยานพาหนะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ รถไม่มีประกันภัย (ภาคบังคับ/ภาคสมัครใจ) ไม่มีการต่อภาษี (ทะเบียน) ด้านถนนและสภาพแวดล้อม ประเภทถนนที่เกิดเหตุ เป็นถนสายหลัก ซึ่งเป็นถนนของ อบต./ ในหมู่บ้าน (ร้อยละ 42.85) รองลงมาคือ ถนนกรมทางหลวง (ร้อยละ 39.30) ลักษณะจุดเกิดเหตุ เป็นทางตรง (ร้อยละ 71.42) และบริเวณทางแยก (ร้อยละ 14.28) ไฟฟ้าส่องสว่างไม่เพียงพอ ส่งผลให้ทัศนวิสัย และการก่อสร้างถนนบางเส้นทางยังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงพื้นผิวถนนต่างระดับ
นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผวจ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ด เตรียมขับเคลื่อนรณรงค์แบบพุ่งเป้า ในกลุ่มเด็ก และเยาวชน น้องๆนักเรียน นักศึกษา เพื่อสร้างการรับรู้ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆที่หลากหลาย ผ่านหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิ องค์กรการกุศลต่างๆ เช่น โครงการฝึกอบรมวินัยจราจร การกำหนดพื้นที่หน่วยงานที่บังคับการสวมหมวกนิรภัย เป็นต้น
โดยจังหวัดร้อยเอ็ด กำหนดกิจกรรมรณรงค์ เนื่องใน วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน ประจำปี 2568 ในวันที่ 14 ก.พ.68 เวลา 07.20 น. ณ สนามกีฬาโรงเรียนเมืองร้อยเอ็ด อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อพุ่งเป้าสร้างการรับรู้ด้านความปลอดภัยทางถนนในกลุ่มเด็ก เยาวชน และกลุ่มวัยรุ่น ให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน สู่ถนนปลอดภัยในอนาคต
สมนึก บุญศรี รายงาน
