21 มกราคม 68 พ.ต.อ.สมเกษม จารักษ์ ผกก.สภ.บางระกำ พ.ต.ท.นิธิพัฒน์ ภูษิต รอง ผกก.ป.สภ.บางระกำ พ.ต.ท.อโณทัย ช้างพินิจ รอง ผกก.สส.สภ.บางระกำ และตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางระกำ นำกำลังพร้อมหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก จ.39/2568 ลงวันที่ 21 ม.ค. 2568 เข้าจับกุมนายสุภัทร แก่นจรรยา อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 486/33 หมู่ 6 ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก ข้อหาวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นจากการจับกุม พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีดำ ทะเบียน 1กฆ 4284 พิษณุโลก และชุดเสื้อผ้าที่ใช้ใส่ในวันก่อเหตุ
สืบเนื่องจากช่วงวานนี้ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดหน้าร้านเฟิร์สบูติค ภายในตลาดสดราษฎร์ธรรมาภรณ์ หรือตลาดบางระกำ ทำทีมาขอเลือกซื้อรองเท้าให้กับแฟนสาว แล้วอาศัยจังหวะกระชากสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท ของนางประภาวรรณ ปิยชื่นวจี อายุ 65 ปี เจ้าของร้าน แต่ผู้เสียหายฮึดสู้สุดฤทธิ์จนคนร้ายได้ไปเพียงพระพุทธชินราชเลี่ยมทอง 1 องค์ ก่อนจะขี่หลบหนีไปทางชุมชนโรงเลื่อย ซึ่งตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ติดตามหาเบาะแสจนสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
จากการสอบสวน นายสุภัทร แก่นจรรยา ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นพนักงานส่งของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่มีรายจ่ายภาระหนี้สินทั้งค่าบ้านค่ารถทำให้หมุนเงินไม่ทัน คิดไม่ตกหาทางออกไม่ได้จึงต้องตัดสินใจเลือกลงมือกระชากสร้อยคอทองคำดังกล่าว ภายหลังก่อเหตุได้แกะเอาพระพุทธชินราชไปโยนทิ้งที่คลองน้ำในพื้นที่ ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก ส่วนกรอบพระเลี่ยมทองนำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งได้เงินมาจำนวน 6,000 บาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายอีกหลายรายการ จนกระทั่งมาถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้เพียง 1 วัน หลังก่อเหตุเท่านั้น ทั้งนี้ตนสำนึกผิดก็สายเสียแล้ว หากย้อนเวลาได้จะไม่ก่อเหตุเด็ดขาด เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัว นายสุภัทร แก่นจรรยา ผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางระกำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
นาคา คะเลิศรัมย์ รายงาน