ภาพจากกล้องวงจรปิดข้างหอพักแห่งหนึ่งในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพได้ในขณะที่พบว่ามีคนร้ายเป็นชายปริศนา 1 คนสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาว และสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้า ขับขี่รถจักรยานยนต์ เข้ามาจอดที่เทียบเคียงรถเป้าหมาย ก่อนที่จะเดินมาที่ข้างรถและลงมือใช้เครื่องมือพิเศษบางอย่าง ก็อปปี้สัญญาณรีโมทของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์หรูคันหนึ่ง พอได้สัญญาณของรีโมทตามที่ต้องการ คนร้ายรายนี้ได้ขับรถออกจากจุดดังกล่าวไป จากนั้นผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง ได้ย้อนกลับมาพร้อมเพื่อนร่วมทีม ขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดิมมาส่งชายคนร้ายที่มาในตอนแรก เพื่อมาขโมยรถคันดังกล่าวหลังจากที่ได้สัญญาณของรีโมทรถคันนี้เป็นที่เรียบร้อย จากนั้นใช้กุญแจรีโมทที่คนร้ายเตรียมการมา เปิดสตาร์ทรถขับออกไปอย่างง่ายดาย
ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดตรงนี้ถูกใช้เป็นหลักฐานที่ทางฝ่ายสืบสวนของสภ.บางพลี ไปติดตามจับกุมตัว นาย ธีรโชติ หรือข้าวปุ้น เสนาะนอก อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา และ นายนัต เยาวชนอายุ 17 ปี เพื่อนร่วมทีม จับกุมตัวได้ที่ตลาดแห่งหนึ่งในอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากที่ ทั้งสองกำลังเตรียมที่จะก่อเหตุซ้ำในตลาดดังกล่าว พร้อมทั้งสามารถยึดของกลาง คือ หมวกกันน็อกที่สวมใส่ รองเท้าที่สวมใส่ เสื้อแขนยาว กางเกง และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งทั้งหมดตรงตามรูปพรรณสัณฐานที่เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง นอกจากนั้นยังขยายผลตามไปค้นที่ห้องพักยังพบของกลางที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อก เครื่องเล่นเกมส์ และรถจักรยานยนต์อีก 4 คัน ความเสียหายที่คนร้ายรายนี้ไปก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งในหลายท้องที่ ทั้งสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
ล่าสุด 25 ธันวาคม 67 พล.ต.ต. วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ. ชูตระกูล ยศมาดี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางมาให้กำลังใจและขอบคุณการปฎิบัติของฝ่ายสืบสวนพร้อมทั้งร่วมแถลงข่าวในคดีนี้ เนื่องจากเป็นการลงมือก่อเหตุในรูปแบบใหม่
พ.ต.อ. ไพโรจน์ เพชรพลอย ผู้กำกับการสภ.บางพลี กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ จะเลือกก่อเหตุเป็นรถรุ่นใหม่ที่มีราคาสูง โดยเลือกเฉพาะรถที่มีกุญแจรีโมท เพื่อง่ายต่อการก่อเหตุ เพราะคนร้ายเคยเป็นช่างกุญแจ จึงมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับระบบสัญญาณของรีโมทรถและใช้ความรู้ความสามารถที่มีนำไปทำรีโมทมาใช้ก่อเหตุลักรถดังกล่าว ซึ่งก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง พอได้รถมาก็จะติดต่อนายทุนส่งขายยกคันกับประเทศเพื่อนบ้าน ในราคาคันละ 3-6 หมื่นบาท แล้วแต่รุ่นแล้วแต่สภาพ ซึ่งหลังจากนี้จะได้ขยายผลเส้นทางการเงินรวมถึงติดตามตัวนายทุนที่รับซื้อรถจากผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 2 คน ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองราย พนักงานสอบสวนได้นำตัวส่งฝากขังศาลจังหวัดสมุทรปราการแล้ว พร้อมแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเคหะสถาน และรับของโจร
ทั้งนี้ฝากเตือนเจ้าของรถที่ใช้กุญแจรีโมทในการล็อกรถ ซึ่งเดิมอาจคิดว่าจะปลอดภัยจากโจร แต่ปัจจุบันคนร้ายมีการพัฒนารูปแบบการก่อเหตุมากขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้นเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งนอกจากการล็อกด้วยรีโมทปกติแล้วควรล็อกกุญแจดิสเบรกหรือโซ่ที่แน่นหนาอีกครั้งเพื่อให้ยากต่อการก่อเหตุ อีกทั้งไม่ควรนำสำเนาหรือสมุดทะเบียนไว้ใต้เบาะรถเพราะจะง่ายต่อการขายทอดตลาดของคนร้าย ทั้งนี้ผู้เสียหายรายใดที่ต้องสงสัยว่าจะถูกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุ สามารถมาดูรูปพรรณสันฐานและตำหนิคนร้ายที่สภ.บางพลี เพื่อเพิ่มโทษกับคนร้ายในการดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต. วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่าหลังจากที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ ซึ่งพอฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ไปดูแผนประทุษกรรมของคนร้ายแล้วพบว่าเป็นการวางแผนและเตรียมการมาก่อเหตุอย่างดี และไม่ใช่การลงมือก่อเหตุเหมือนที่เคยเกิดขึ้นปกติทั่วไป ซึ่งหากปล่อยไว้อาจไปก่อเหตุอีก จึงกำชับฝ่ายสืบสวนให้เร่งหาตัวมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งพอทราบตัวผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะ นายข้าวปุ้น หัวหน้าทีม ก็พบว่ามีหมายจับในคดีลักทรัพย์ติดตัว ฝ่ายสืบสวนจึงไล่ล่าตัวจนสามารถตามไปจับกุมตัวได้สำเร็จ ทั้งนี้ต้องชื่นชมการทำงานของฝ่ายสืบสวนที่ตัดวงจรของคนร้ายได้ในครั้งนี้
ส่วนทางด้าน พระครูปลัดสุวัฒนศิลกุล หรือพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง พอทราบข่าวว่าฝ่ายสืบสวนสามารถตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ได้ ซึ่งเป็นภัยสังคมและสร้างความเดือดร้อนอย่างมากให้กับผู้เสียหาย จึงเดินทางมาที่สภ.บางพลี เพื่อกล่าวขอบคุณและให้ขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติในครั้งนี้
ก๊วก สมุทรปราการ รายงาน