21 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์ประสานงานผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบต.พยอม หมายเลข 2 เลขที่ 85ม.15ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวงจ.ปทุมธานี เพื่อพูดคุยกับ นาง กนกรัตน์ อนันตโสภณ หรือเจ๊หน่อย ผู้สมัคร นายก อบต.พยอมหมายเลข 2 หลังจากที่โซเชี่ยวได้มีการแชร์ข่าวพาดพิง ถูกนักเรียนอายุ 15 แจ้งตำรวจถูกผู้สมัครนายก อบต.พยอม เข้ามาข่มขู่และบีบแขนบาดเจ็บ เป็นจำนวนมาก โดยที่เกิดเหตุอยู่ภายในตลาดสี่ภาค ม.4 ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนพบกับ (นายสมชายนามสมมุติ) ซึ่งเป็นพ่อค้าที่อยู่ภายในตลาดเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ในวันนั้น เป็นช่วงเย็นของ วันที่ 19 ธ.ค.67 ตนเองก็ได้ขายของอยู่ในตลอดดังกล่าว แล้วก็มีทีมงานของ นาง กนกรัตน์ อนันตโสภณ หรือเจ๊หน่อย ผู้สมัครนายก อบต.พยอมหมายเลข 2 เข้ามาหาเสียงในตลาดและได้มาเจอกับน้องอายุ 15 คู่กรณีที่อ้างว่าถูกทำร้ายกับผู้หญิงอีกคน บริเวณหน้าร้านที่ตนขายของอยู่ แต่ เหตุการณ์มันไม่ได้มีอะไรครับ ผู้สมัครนายกเบอร์2ได้ยื่นใบแนะนำตัวผู้สมัครหมายเลข 2 ให้แต่ทางน้องไม่รับและเดินออกไปไม่มีการ จับแขนฉุดกระชาก หรือทำร้ายร่างกายกันแต่อย่างใด มีเพียงการพูดคุยกัน ประชาชนที่เดินผ่านมาผ่านไปก็ ซื้อขายสินค้าและเดินกันปกติ
โดย นายสมชาย (นามสมมุติ) เล่าต่ออีกว่า ตอนที่มีการพูดคุยกัน น้องผู้หญิงอายุ 15 ปี เค้าก็ยืนอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าใกล้ตัวผู้สมัครหมายเลข 2 และทีมงานแต่อย่างใด แต่พอทาง ผู้สมัครหมายเลข 2 และทีมงานเดินจากออกไปจากจุดเกิดเหตุ น้องผู้หญิงอายุ 15 ปี ก็โวยวาย แล้วก็ตะโกนบอกจะฟ้องพ่อ จะฟ้องพ่อ ผมก็ยืนฟังอยู่อย่างนั้น ผมยังสงสัยอยู่พ่อน้องเค้าเป็นใคร จนกระทังมีข่าวออกมาว่า นาง กนกรัตน์ อนันตโสภณ หรือเจ๊หน่อย ผู้สมัคร นายก อบต.พยอมหมายเลข 2 ไปทำร้ายร่างกายน้องผู้หญิง อายุ 15 ปี ตนเองก็งงมาก ผู้สมัครหมายเลข 2 ต้องเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จะไม่รู้ความจริงและหลงเชื่อข่าวที่ถูกปล่อยออกไปก่อนหน้านี้ ความจริงก็คือความจริง มีคนเห็นเหตุการณ์กันหลายคนมากและพร้อมจะมาเป็นพยาน ความเห็นส่วนตัว เชื่อว่าต้องมีการสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลทางการเมืองเพื่อดิสเครดิตอย่างแน่นอน โดยส่วนตัว ตนเองไม่ได้รู้จักกับผู้สมัครคนใดหรือน้องผู้หญิงที่เป็นข่าวจนกระทั่งได้รับใบแนะนำตัวของหมายเลข 2 จึงรู้ว่าชื่อเจ้หน่อย
ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงพยายามติดต่อสอบถามกับ นาง กนกรัตน์ อนันตโสภณ หรือเจ๊หน่อย ผู้สมัคร นายก อบต.พยอมหมายเลข 2 ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้พบนาง กนกรัตน์ อนันตโสภณ เดินแจกใบแนะนำตัวอยู่ในพื้นที่ ต.พยอม ซึ่งนาง กนกรัตน์ อนันตโสภณ หรือเจ๊หน่อย ผู้สมัคร นายก อบต.พยอมหมายเลข 2 ได้นำภาพขณะเดินประชาสัมพันธ์ในสถานที่ถูกกล่าวหาโดยกล่าวว่า เหตุการณ์ในวันนั้น ตนเองและทีมงานได้ลงพื้นที่ ตลาดสี่ภาค ม.4 ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแนะนำตัวพร้อมทั้งทักทายชาวบ้านในพื้นที่ แต่อยู่ๆ มีทีมงานมาแจ้งว่ามีคนเดินตามถ่ายรูปตนเองกับทีมงาน อยู่ตลอด ตนเองจึงคิดว่าเป็นแฟนคลับที่ มาให้กำลังใจตนเอง จึงได้ให้ทีมงาน นำใบแนะนำตัวไปมอบให้พร้อมกับกล่าวฝากตัว เพราะตลอดระยะเวลาที่ตนเองลงพื้นที่ ก็จะมีแฟนคลับและผู้ที่สนับสนุน ถ่ายรูปตนเองกับทีมงานเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ทางผู้หญิงที่มากับน้อง 15 ปี ปฏิเสธที่จะรับใบแนะนำตัว ส่วนตัวน้องผู้หญิงเองก็ยืนอยู่ห่างจากตนมาก ไม่ได้เข้าใกล้แต่อย่างใด ตนเองจะไปทำร้ายและ ข่มขู่ได้อย่างไร ทีมงานของตนเองที่ลงพื้นที่ ก็มีแต่ ทีมงานผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ จากเหตุการณืดังกล่าว ตนเองมาทราบทีหลังว่า อยู่ๆ น้องอายุ 15 ปี ก็ไป แจ้งความว่าตนเองนั้นได้ทำร้ายร่างกาย ซึ่งมันไม่ใช่ความจริง จึงอยาก วิงวอน สื่อ นำเสนอความจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีชาวบ้านโทรศัพท์มาสอบถามกันเยอะมาก พอลงพื้นที่ ก็ถามกันตลอด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับน้องผู้หญิงอายุ 15 ปี มาก่อนแต่อย่างใด ไม่เข้าใจทำไมถึงได้ทำแบบนี้กับเรา และเหตุผลที่เรามาลงสมัคร นายก อบต.พยอมในครั้งนี้ เนื่องจาก อยากให้ ต.พยอมของเรามีการเปลี่ยนแปลง เพราะหลายปีที่ผ่านมา ต.พยอม ไม่ค่อยมีการพัฒนาอะไรมากขึ้น เราเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เรามองเห็นถึงปัญหามากมาย เราจึงอยากเปลี่ยนแปลงพยอมให้ดีขึ้น อยากเห็นพะยอมพัฒนาต้องกล้าที่จะเปลี่ยน เลือกหมายเลข 2
ด้าน ดร.ใจสวรรค์ อนันตโสภณ หนึ่งในทีมงานช่วยหาเสียงของ นาง กนกรัตน์ อนันตโสภณ หรือเจ๊หน่อย ผู้สมัคร นายก อบต.พยอมหมายเลข 2 กล่าวว่า ในตอนเกิดเหตุ เราแค่เข้าไปแจกใบแนะนำตัวผู้สมัครหมายเลข 2 พร้อมกับ ขอถ่ายรูป เพราะ เห็นว่าก่อนหน้านี้ น้องได้เดินตามถ่ายรูป ทีมงานและ เจ๊หน่อย อยู่ซักพักแล้ว ก็คิดว่าน่าจะเป็นแฟนคลับ แต่น้องไม่ให้ถ่ายรูป เราก็ไม่ได้ถ่ายรูปน้องแต่อย่างใด และเราก็เดินหาเสียงตามปกติ เราเสียหายมากที่น้องไปให้ข่าวว่าเรา หยิก ทำร้ายน้องกลางพื้นที่สาธารณะแบบนี้ ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเห็นเหตุการณ์มากมาย เบื้องต้นทาง เจ๊หน่อย จะมอบหมายทีมกฎหมายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเอาผิดเพราะทำแบบนี้กับเรา พวกเราเสียหายมาก คนที่ไม่รู้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็จะหลงเชื่อว่าเราทำจริง พวกเราไม่ใช้ผู้มีอิทธิพลเป็นเพียงนักธุรกิจในพื้นที่ ที่คาดหวังเพียงให้พยอมดีขึ้นก็เท่านั้น