จากกรณี ผู้ใช้ ติ๊กต๊อก ได้โพสต์คลิปวีดีโอที่มียืนพูดคุยกันถึงเหตุการณ์รถชน แล้วมีการพูดถึงตำรวจ พร้อมระบุข้อความว่า กุ้ง สป.100% จะเลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยว คุยใหญ่โต เพื่อนผมเบรกไม่ทันก็ดันสิครับ นี่เราอยู่ในยุคที่ต่างด้าวสามารถโทรหา ตร.ชั้นผู้ใหญ่ มาข่มขู่คนไทยแล้วเหรอครับ จะอวดเบ่งที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่สมุทรปราการ โชคดีนะที่เจ๊ เจอเพื่อนผม ถ้าเจอผม “สวยแน่” “สมุทรปราการบ้านเรา” หลังโพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปให้ทำให้มีผู้คนเข้ามาคอนเม้นกันเป็นอย่างมาก
ล่าสุด 19 ธันวาคม 2567 ที่ ห้องสืบสวน สภ.บางเสาธง พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง พ.ต.ท.ชนสิทธิ์ เด็ดดวง รอง ผกก.สส.สภ.บางเสาธง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้เชิญตัว นาง MYAT LIN อายุ 53 ปี ชาวเมียนมา (หญิงที่อยู่ในคลิป) นายสัญญา นิยมราษฎร์ อายุ 38 ปี (คนที่ถ่ายคลิป) และ เจ้าของเพจกุ้ง สป.100% คนที่โพสต์คลิปดังกล่าว ไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่รถชนแล้วมีการอ้างถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 17.30 น. ได้มีเหตุรถยนต์และรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกันที่บริเวณถนนซอยหมู่บ้านไทยประกัน ม.1 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ แล้วเจรจาตกลงกันไม่ได้ และได้มีปากเสียงทะเลาะกัน แล้วมีการอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่มีคลิปเผยแพร่ในโลกโซเชียล
ต่อมา วันที่ 19 ธ.ค.67 ได้ปรากฏในสื่อออนไลน์ “ต่างด้าว อวดเบ่ง อ้าง ตร.ข่มคนไทย” สภ.บางเสาธง โดย พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง ได้เชิญคู่กรณีทั้งสองมาพบเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าเรื่องอุบัติเหตุได้ตกลงกันได้ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ส่วนที่ปรากฏว่าคลิปวีดีโอ มีการกล่าวอ้างถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง ทั้งสองฝ่ายยอมรับว่า ณ เวลาที่เกิดเหตุนั้น ได้โต้เถียงกันจนเกิดความโมโห จึงได้อ้างว่าตนเองรู้จักเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง แต่ในความเป็นจริงทั้งสองฝ่ายไม่รู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง แต่อย่างใด ทาง ผกก.ฯ จึงได้แนะนำและตักเตือนว่า การกล่าวอ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้เกิดความเสียหาย อาจมีความผิดได้และหากมีการนำไปโพสต์ในสื่อโซเชียลในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเข้าใจดีแล้ว และได้ขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายสัญญา นิยมราษฎร์ อายุ 38 ปี (คนที่ถ่ายคลิป) เล่าว่า เหตุการณ์วันนั้นคือ ขับรถตามกันมาตนก็ไม่คิดว่าเค้าจะเลี้ยว ต้นกำลังจะแซงขวาขึ้นจากนั้นเขาก็เลี้ยว ตนหักหลบแล้วเกิดการเฉี่ยวชนกัน จากนั้นได้คุยกันตนก็ให้เรียกตำรวจและประกัน เพราะไม่รู้ว่าใครผิด ตนก็คิดว่าตนไม่ผิดเพราะตนไม่เห็นไฟเลี้ยว และตนก็ไม่ได้ขับจี้ ตนไม่คิดว่าเค้าจะเลี้ยวตนเลยจะแซงขวาก็เลยเกิดเหตุ บทสนทนาในคลิปเป็นการโต้เถียงกัน ต่างฝ่ายต่างใช้อารมณ์ และเข้าใจผิดกัน หลังจากเคลียร์จบก็แยกย้าย ตนยังเป็นห่วงยังวนมาถามเขาว่า เรียกประกันหรือยัง เพราะถ้าจะให้ตนจ่ายเงินสดตนไม่มี ตนคิดว่าประกันจะมาเรียกเก็บจากตนเอง ผลสุดท้ายยังไม่มีประกันมา
พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เป็นเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นสองฝ่าย เป็นอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆไม่มีคนเจ็บ หลังเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเจรจากัน แล้วเกิดอารมณ์โต้เถียงกัน และเกิดการอ้างถึงคนนั้น คนนี้ เพื่อสร้างเครดิตให้กับตัวเอง เลยเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา ในวันนั้นหลังจากโต้เถียงทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันได้ หลังจากนั้นมีปรากฏอยู่ในสื่อโซเชียลขึ้นมา เลยต้องเชิญทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องอ้างถึงเจ้าหน้าที่ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย กับบุคคลที่ไม่เข้าใจ คิดว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า วันนี้จึงได้เชิญทั้งสองฝ่ายมาพูดคุย และได้บอกว่าวันนั้นเกิดการโต้เถียงและได้อ้างขึ้นมา แต่ที่จริงแล้วไม่มีอะไร อยากฝากถึงคนที่ชอบอ้างถึงเจ้าหน้าที่ ถ้าใครเอาไปอ้างโดยไม่รับผิดชอบและไม่เป็นความจริง และก่อให้เกิดความเสียหาย มีโทษทางอาญา อาจจะเป็นเรื่องของหมิ่นประมาท และการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยที่ไม่ถูกต้อง อาจถูกดำเนินคดีได้
บัณฑิต ชวาลา รายงาน