จับตา “ขุนพล” ย้ายค่าย
“ศึกเจดีย์ขาว” ใกล้ระอุ!
แน่นอนว่ากลางปี 2568 กกต.จะจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ไล่เลียงกันไปตามลำดับทั่วประเทศ ที่เชียงใหม่ทยอยเลือกตั้งกันไปหลายๆแห่งในปีนี้ ซึ่งปีหน้าจะมีจำนวนเยอะที่สุดที่ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นจะพากันครบวาระและจัดการเลือกตั้งกันใหม่ทั้งอบจ.และเทศบาลฯลฯ
“นครเชียงใหม่” เป็นเหมือนพื้นที่ “ไข่แดง” ใจกลางเมืองค่อนข้างที่จะมีการเลือกตั้งที่ดุเดือดในการแย่งชิงคะแนนเสียง ณ วันนี้เริ่มมีกระแสของการย้ายคนย้ายค่ายไล่ต้อนหัวคะแนนไล่ระดับตั้งแต่ ประธานชุมชน อสม.และกลุ่มเครือข่ายต่างๆเข้ารวมกันในค่ายใดค่ายหนึ่ง
สงครามแย่งคนจะบังเกิดขึ้น ชนิดที่ว่าจะต้องใช้สรรพวุธและพละกำลังกันอย่างมหาศาลพร้อมปัจจัยรอบด้าน เพื่อกวาดต้อนคะแนนเสียงในระดับดีย์แมนของแต่ละโซนให้ได้มากที่สุดแน่นอนที่สุดชัดเจนที่สุด ถึงแม้สถานการณ์จะยังไม่นิ่ง แต่พอจะคาดเดากันได้ว่าคนของใครอยู่ในขั้วกลุ่มการเมืองใด สังคมเมืองจะมองเห็นอย่างเด่นชัด ว่าใครอยู่ขั้วการเมืองกลุ่มการเมืองใด
เซียนการเมือง หรือกูรูการเมือง ต่างวิเคราะห์ตั้งวงสนทนากันอย่างถึงลูกถึงคนก็หลายๆวงการเมือง สภากาแฟต่างๆล้วนมีบรรยากาศคึกคักหาวิพากษ์กันถึง การเมืองในนครเชียงใหม่หรือที่เรียกกันว่า “สำนักเจดีย์ขาว”
หลายยุคหลายสมัยบริหารอำนาจในเทศบาลนครนั้น “ตระกูลบูรณุปกรณ์” ยึดครองมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคของ “ปกรณ์ บูรณุปกรณ์” เป็นนายกเทศมนตรีฯ และ “บุญเลิศ บูรณุปกรณ์” ต่อมาก็เป็น “ทัศนัย บูรณุปกรณ์” และท้ายสุดยุคนี้มี “อัศนี บูรณุปกรณ์” ยังคงอำนาจเดิมๆไว้อย่างเหนียวแน่น และตั้งป้อมในค่าย “เชียงใหม่คุณธรรม”
ตอนนี้คู่แข่งกระแสคนหนุ่มสาวเกิดขึ้นมาแวดวงการเมืองท้องถิ่น ให้สังคมได้จับตามองกันอีกครั้งว่า “หยก – ปนันรัตน์ วิริยะกุลศานต์” ตัวแทนกลุ่มการเมือง “เพื่อเชียงใหม่” ที่ได้มีการจัดวางตัวกันไว้ เพื่อช่วงชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ในสมัยหน้าชัดเจนแล้วว่า “ค่ายใหญ่” ส่งเข้าประกวดชิงชัยในสนามการเลือกตั้ง พร้อมกับทีมว่าที่ “ส.ท.เพื่อไทย” ในเขตนครเชียงใหม่ อีกครบครันด้วยคุณภาพของคนหนุ่มสาว “ตามกระแสสังคม” ได้เรียกร้องที่อยากลองของใหม่ อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งวัฒนธรรมด้านการเมือง และการสลายอำนาจผูกขาดอำนาจจาก “ตระกูลบู” ที่มีมายาวนาน
เมื่อปี่กลองเริ่มเชิด ย่อมมีเสียงตามมาของเหล่าบรรดาขุนพลย้ายค่าย ที่ตอนนี้คนที่ออกตัวได้แรงในตั้งแต่ตอนแรก หนีไม่พ้น “เฮียหน้อย – ชาตรี เชื้อมโนชาญ” ที่ครั้งที่ผ่านมาพิสูจน์ตัวเองลงแข่งเพื่อชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ต้องปราชัยให้กับ “กลุ่มบู” เชียงใหม่คุณธรรมไปอย่างคาใจ
ก่อนหน้าหลายเดือนก่อน ออกตัวอย่างแรงไปแล้ว คนเชียงใหม่ฮือฮาและคอการเมืองต่างรับทราบว่า “ปักหลักในขั้วของกลุ่มเพื่อเชียงใหม่” และถูกวางตัวให้เป็นที่ปรึกษาของ “ส.ว.ก๊อง – พิชัย เลิศพงษ์อดิศร” นายกอบจ.เชียงใหม่ อยู่ไปอยู่มานานหลายเดือน ซึ่งล่าสุดกระแสข่าวสะพัดโหมกระหน่ำมาอีกครั้งว่า ได้โดดข้ามขั้วมาอยู่กับ “เชียงใหม่คุณธรรม” จนเกิดข้อกังขาชนิดว่า สังคมเมืองต้องตะลึงในความไม่แน่ไม่นอนด้านการเมือง ที่พร้อมโยกไปและโยกมา
ที่แขวงศรีวิชัย อย่าง “เสี่ยตุ้ม – พูลสวัสดิ์วรวัลย์” นักการเมืองท้องถิ่นผู้มากด้วยบารมี อดีตรองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ยุคสมัยหนึ่ง ถึงกับเอ่ยปากว่า “คนเราเป็นนักการเมืองต้องมีจุดยืนชัดเจนประกาศโยกไปโยกมา” คนไม่มีจุดยืนต่อไปก็จะต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเสาะแสวงหาคะแนนมันก็เท่านั้้น เรื่องศักดิ์ศรีแทบไม่ต้องพูดถึงกันเลย ผมเองยอมรับว่าตอนนี้อยู่ “เพื่อเชียงใหม่” แน่นอนและชัดเจนและเห็นว่า “น้องหยก – ปนันรัตน์” เป็นคนที่เหมาะสมเพราะยังเป็นคนหนุ่มสาวอนาคตไกล ทั้งความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับของสังคม ผมจึงให้การสนับสนุน “น้องหยก” และกลุ่มเพื่อเชียงใหม่ ให้เป็นตัวแทนของพี่น้องชาวนครเชียงใหม่ ในการช่วงชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่สมัยต่อไปและสนับสนุน สท.ในกลุ่มเพื่อเชียงใหม่ผมกล้าการันตรีว่า “น้องหยก – ปนันรัตน์” เหมาะสมเพราะเป็นแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ ที่เข้าใจและเข้าถึงปัญหาของพี่น้องในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดไม่ปล่อยปัญหาสะสมคารังคาซัง “เสี่ยตุ้ม – พูลสวัสดิ์”ทให้ความมั่นใจด้วยความหนักแน่น
ในอีกมุมๆหนึ่ง คือในขั้วของกลุ่มการเมืองขั้วสีส้ม ที่ยังไม่ปรากฏกายแน่ชัดว่า จะส่งใครลงชิงชัยในสนามเลือกตั้งแห่งนี้ในนครเชียงใหม่ แต่แพลมๆมาแล้วว่า อาจเป็นคนนอกสายตาแต่จะมาแรงเป็นม้าตีนปลาย ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ตอนนี้สังคมเชียงใหม่ติดตามกันได้ในแวดวงการเมืองท้องถิ่น ศึกสามค่ายขั้วใหญ่ๆทั้ง “ตระกูลบู – ทีมน้องหยก – ขั้วสีส้ม” กลุุ่มไหนจะมีฐานคะแนนเสียงใหม่และเหล่าบรรดาหัวคะแนนแต่ละขั้วการเมือง เตรียมยกพลกันไปในขั้วใด ปัจจัยอื่นๆทที่เกี่ยวข้อง อะไรย่อมเกิดขึ้นได้เสมอๆ อย่าได้กระพริบตานับจากเวลานี้.