ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวศรีสะเกษ ข่าวเด่น

เสี่ยเต้นท์รถยนต์มือสอง ถูกลูกน้องแสบยักยอกรถเกือบเกลี้ยงเต็นท์ไปขาย ไม่ส่งเงินเข้าบริษัท  

นายอิทธิมนต์ชัย ตยะพักตร์ เจ้าของเต้นท์รถยนต์มือสอง”คุ้มพยัคฆ์เทพ”ต.สำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ ได้เดินทางไปพบกับ พ.ต.ต.สง่า สมสุข นายร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรอำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.จินห์จุฑา (นามสมมติ) อยู่บ้านเลขที่ 97/162 หมู่ที่ 3 ต.บางรักใหญ่บางบัวทอง จ.นนทบุรี ในข้อหายักยอกทรัพย์ นำรถยนต์ไปขายโดยไม่ลงบัญชีและนำส่งเงินให้แก่บริษัท เป็นจำนวน 60 คัน รวมค่าเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท จากรถยนต์ทั้งหมดจำนวน 68 คัน คงเหลือรถเก๋งเบนซ์ และ BMW จำนวน 8 คัน เท่านั้น


นายอิทธิมนต์ชัย กล่าวว่า เต็นท์แห่งนี้เดิมทีนั้นเป็นเต็นท์ของหลานเขย เป็นเจ้าของบริหารแล้วไม่เจริญรุ่งเรืองขาดทุนที่ดินและรถยนต์จะถูกยึดโดยธนาคารเพื่อขายทอดตลาด ตนจึงมาอุ้มเอาไว้ลงทุนให้เอารถมาลงล็อตแรกจำนวน 68 คัน ปรากฏว่าระยะหลังพ่อของเขาเจ็บป่วยไปดูแลพ่อไม่สนใจกับการบริหารเต้นท์ ไม่ค่อยได้มาทำงานเฝ้าเต็นท์ หลบไปดูแลพ่อบ้าง ระยะหลังนี้ก็ออกหนีไปเลย ขาดบริหารเต้นท์รถยนต์มือสอง ต่อมาตนเองจึงให้ น.ส.จินห์จุฑา (นามสมมติ) ซึ่งเป็นลูกน้องอยู่กรุงเทพฯ มาเป็นผู้จัดการดูแลแทน ด้วยที่ไม่เคยบริหารงานด้านนี้มาก่อนจึงไม่รุ่งเรือง และทำการขายโดยไม่ลงบัญชีและไม่ส่งเงินให้แก่บริษัท และรถยนต์ก็เริ่มทยอยหายไปโดยไม่มีการลงบัญชีการซื้อขาย และตนเองไม่มีเวลาลงมาดูแลเต็นท์ ประกอบกับไม่มีความชำนาญในการบริหารนี้มาก่อน เมื่อได้ทราบข่าวว่ารถยนต์หายจากเต็นท์ จึงได้โทรศัพท์ให้นายเกษมศานต์ ศรีโพนทอง เพื่อนสนิทที่อำเภอขุนหาญ ไปสังเกตุการณ์ภายในเต็นท์ ปรากฏว่ารถยนต์เหลือเพียงไม่กี่คันเท่านั้น จึงได้เดินทางมาดูที่เต็นท์รถยนต์ศรีสะเกษ เห็นว่ารถยนต์จะหายไปจริง และพบว่าห้องทำงานนั้นรูปภาพของตนที่ติดไว้ข้างฝนังห้องทำงาน ถูกถอดลดลงวางปิดหน้าไว้กับพื้นโต๊ะทำงาน เมื่อเห็นดังนั้นจึงโกรธมากและตะโกนโวยลั่นด้วยความฉุนเฉียว นอกจากนี้ยังมีเครื่องปั้มลมและแม่แรงยกรถยนต์ขึ้นสูง ก็หายไปด้วย


จากการสำรวจภายในเต็นท์ยังพบว่ารถยนต์สองแถวที่ซื้อไปถวายพระ ที่เครื่องยนต์ชำรุดได้นำมาเปลี่ยนเครื่องใหม่ ก็ยังหายไปด้วย จากการสอบถามนายนิวัตร โทอึ้น คนล้างรถ บอกว่า นส.แต้ว ให้ขับรถคันดังกล่าวไปส่งไว้ที่สวนทุเรียนแห่งหนึ่ง บอกว่าจะเอาไปขายเพื่อเอาค่าขายรถยนต์เป็นค่าเดินทางไปติดต่องานที่ กทม.ต่อไป  อย่างไรก็ตาม นายอิทธิมนต์ชัย เชื่อว่าการนำรถยนต์ออกไปจากเต็นท์ จะต้องมีการกระทำเป็นขบวนการหลายคนจึงจะสำเร็จ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวน นำคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว.

บุญทัน ธุศรีวรรณ  รายงาน