ภาพวงจรปิดภายในซอยเปรมฤทัย ในพื้นที่ของตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพได้ในขณะที่มีรถแท็กซี่สีส้ม คันหนึ่ง ขับเลี้ยวเข้ามาจอดกลางซอย เพื่อให้ส่งโดยสารหญิงท่านหนึ่ง จากภาพวงจรปิด จะเห็นว่าจังหวะที่รถแท็กซี่คันนี้จอดส่งผู้โดยสารท่านนี้ นั้น จอดในลักษณะขวางทาง และ เป็นจังหวะที่มีรถจักรยานยนต์ตามหลังมาจ่อท้ายและไปต่อไม่ได้ ทำให้ผู้โดยสารหญิงรายนี้ต้องรีบเปิดประตูลงจากรถ เปิดให้แท็กซี่หลบทางให้รถจักรยานยนต์ด้านหลัง ซึ่งหลังจากที่ผู้โดยสารรายนี้ลงรถเสร็จ ปรากฏว่าแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับออกไปทันที โดยที่ผู้โดยสารยังไม่ทันหยิบสิ่งของลงจากรถ จากภาพวงจรปิดอีกมุมจะเห็นว่าผู้โดยสารท่านนี้พยามวิ่งตามเรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าว แต่ก็ไม่จอดคืนของแต่อย่างใดและขับออกไปจากซอยดังกล่าว ซึ่งสิ่งของที่ติดไปในรถนั้นมีทั้งของกินของใช้ของเตรียมทำขายและเงินสดกว่าหมื่นบาท หลังเกิดเหตุผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนของ สภ.บางแก้ว เพื่อขอให้เร่งติดตามตัวคนขับรายนี้ เหตุการณ์ตามภาพวงจรปิดเกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 10 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา หลังผู้เสียหายเดินทางเจ้าแจ้งความ ด้าน พ.ต.อ.อดิเรก ทองแก้มแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว ไม่ปล่อยผ่านและสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เร่งหาเบาะแสของรถแท็กซี่และคนขับรายนี้ โดยไล่หาเบาะแสจากกล้องวงจรปิดจนกระทั่งทราบหมายเลขทะเบียนและตัวผู้ขับขี่ จึงออกหมายเรียกให้มาพบกับตำรวจ
ต่อมาเวลา 13.00 น. วันที่ 13 พ.ค. 2567 พ.ต.อ.อดิเรก ทองแก้มแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว พ.ต.ท.ชาญวุฒิ เทียมมงคล รอง ผกก.สภ.บางแก้ว พ.ต.ท.วสันต์ วงศ์เรือง สว.สส.สภ.บางแก้ว พ.ต.ต.ดนัย แก้วน่าน สว.สส.สภ.บางแก้ว พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวน ร่วมกันเชิญตัว นายโย บุดดาสุข อายุ 43 ปี ชาวอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่คันสีส้มดังกล่าว มาสอบปากคำเบื้องต้น นายโย คนขับรถแท็กซี่ ยอมรับว่าตนเองเป็นคนขับรถคันดังกล่าวตามภาพวงจรปิดจริง และรับผู้เสียหายมาจริง วันเกิดเหตุหลังจากที่ส่งผู้โดยสารเสร็จ ตอนแรกอ้างว่าไม่ทราบว่าผู้เสียหายมีของที่เบาะหลัง จนออกมาและมีผู้โดยสารท่านอื่นโบกเรียก แล้วแจ้งว่ามีสิ่งของวางที่เบาะหลัง ตอนแรกก็นึกไม่ออกว่าเป็นของผู้โดยสารท่านไหนลืมไว้หรือไม่ จึงเอาสิ่งของรวมถึงกระเป๋าทั้งหมดไปไว้ท้ายรถ แต่พอเปิดกระเป๋าดูพบว่ามีเงินสดรวมกว่าหมื่นบาท ตอนแรกตั้งใจจะเอามาคืนเจ้าของ แต่หาบ้านไม่เจอ บวกกับมีเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกันยุยงบอกว่าไม่ต้องคืน จึงเกิดความคิดนั้นขึ้นมา ตัดสินใจเอาเงินทั้งหมดไปเที่ยวกลางคืนและเปย์หญิงในคืนเดียวจนหมด เงินที่เปย์หญิงและเด็กเสริฟไปนั้นจำได้ว่าประมาณเก้าพันบาท ตนเองใช้เงินดังกล่าวเที่ยวดื่มกินจนหมดในคืนเดียว กระทั่งมีตำรวจโทรหาให้มามอบตัว จึงตัดสินใจเข้าพบตำรวจ ยอมรับว่าปกติแล้วตนเองจะเที่ยวดื่มเหล้าทุกวัน หลังจากวิ่งรถแท็กซี่ในแต่ละวัน
ด้าน ผู้กำกับ สภ.บางแก้ว เผย เบื้องต้นคดีนี้ตนเองให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นคดีที่ผู้เสียหายเดือดร้อน อีกทั้งตำรวจมีหน้าที่รับใช้ประชาชน จึงต้องเร่งดำเนินการทุกคดีที่ประชาชนมาแจ้งความ ส่วนคดีนี้ต้องชมฝ่ายสืบสวนที่ไม่ย่อท้อและสืบสวนจนกระทั่งทราบหมายเลขทะเบียนและตัวคนขับ พร้อมทั้งติดตามตัวจนมาพบในวันนี้ ซึ่งจากการพูดคุย เจ้าตัวก็รับสาภาพว่าเอาไปจริง ตามที่ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ส่วนจะต้องถูกดำเนินคดีหรือไม่นั้น ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนและทางผู้เสียหายให้เวลาภายในเย็นวันนี้ หากผู้ก่อเหตุหาเงินมาคืนไม่ทันก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งข้อหายักยอกทรัพย์ ลักทรัพย์
ส่วน นางวลีพร สุนทรพฤกษ์ อายุ 57 ปี ผู้เสียหายเล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุไม่ค่อยสบาย จึงเรียกแท็กซี่คันดังกล่าวริมถนนสุขุมวิทแถวสำโรงเพื่อให้มาส่งที่บ้าน ซึ่งในวันนั้นตนเองซื้อสิ่งของหลายรายการมาด้วย ซึ่งเป็นของที่จะใช้ทำขนมขาย รวมถึงมีกระเป๋าสะพายภายในมีเงินรวม 12500 บาท อยู่ด้วย ระหว่างทาง มาบ้าน คนขับรายนี้ก็เปิดเพลงในรถเสียงดังมาตลอดทาง ตนเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกระทั่งมาถึงบ้านพัก จังหวะที่ลงจากรถนั้นตนเองเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์ตามหลังมา จึงบอกคนขับให้ขยับรถเลี่ยงทาง แต่พอปิดประตูได้ ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะจอดรอ ที่ไหนได้กลับขับรถออกไปทันที ทั้งที่ตนเองพยามวิ่งตามตะโกนเรียก เพราะมีทั้งเงินและของที่เตรียมทำขนมขาย แต่แท็กซี่ก็ไม่จอด จึงตัดสินใจมาแจ้งความ ที่ สภ.บางแก้ว หลังจากแจ้งความเสร็จในใจตอนแรก็คิดว่าคงทำได้แค่แจ้งความตำรวจคงไม่ตามและคงไม่ได้ทรัพย์สินคืน กระทั่งวันรุ่งขึ้นมีฝ่ายสืบสวนโทรหาตนเองและรับปากว่าจะตามตัวคนขับรายนี้มาให้ ซึ่งตำรวจมีการประสานงานและแจ้งความคืบหน้าตลอดกระทั่งวันนี้แจ้งว่าคนขับรายนี้มาพบตำรวจแล้ว ทั้งนี้ต้องขอบคุณตำรวจที่ใส่ใจประชาชนหาเช้ากินค่ำอย่างตนเอง ถึงแม้ว่าจะมองดูเป็นคดีเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ใส่ใจและติดตามจนพบตัว ส่วนตัวคนขับยังไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่ให้เขาหาเงินมาคืนเพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินน้ำพักน้ำแรงเงินจากโบนัสที่ตนเองขยันทำงานมาตลอดทั้งปีและตั้งใจไว้ลงทุนขายของต่อ แต่หากเขาหามาให้ไม่ได้ทันก็ต้องทำใจและให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายไป
บัณฑิต ชวาลา รายงาน