3 เมษายน 2567 ที่สถานีตำรวจภูธรธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ผู้เสียหายกว่า 10 คน รวมตัวกันหน้า สภ.ธัญบุรี เพื่อคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่มาหลอกเปิดเพจเฟสบุ๊ค รับสร้างบ้านแต่ สร้างไม่เสร็จ ทิ้งงาน รวมความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาหลบหนี ปิดทุกช่องทางการติดต่อ แต่มาโดน ตำรวจไซเบอร์ 1 รวบตัวตามหมายจับ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ของศาลจังหวัดธัญบุรีได้
โเยผู้เสียหายกว่า 10 คน ได้ไปรวมตัวกันที่หน้า สถานีตำรวจภูธรธัญบุรี หลังทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนาย นายวุฒิพงษ์ คนคล่อง อายุ 33 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 279 ม.9 ต.บ้านค้อ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ผู้ต้องหาตามหมายจับ ไปดำเนินการฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้เสียหายตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 740/2566 ลง 11 ตุลาคม 2566 ข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ” โดยได้ถูก เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ตำรวจไซเบอร์ 1) จับกุมตัวเอาไว้ได้ หลังได้รับการได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจำนวนมากว่าถูกเพจเฟสบุ้คชื่อว่า TPC Home Construction Co., Ltd หมายเลขไอดีเพจ 100075745162584 มีพฤติการณ์ หลอกรับสร้างบ้าน ผ่านเพจเฟสบุ้ค แล้วสร้างไม่เสร็จทำให้ได้รับความเสียหาย จากการสืบสวนทราบว่า เจ้าของเพจฯ นายวุฒิพงษ์ คนคล่อง อายุ 33 ปี เป็นบุคคลตามหมายจับ โดยวันที่ 1 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ได้ทำการจับกุม เจ้าของเพจฯ ตามหมายจับดังกล่าว พร้อมด้วย อาวุธปืน 1 กระบอก กระสุน 9 นัด นำตัวส่งที่พนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
จากการสอบถาม นายสายัณห์ เงาสี หรือ ช่างจอร์จ อายุ 53 กล่าวว่า ตนเองได้ทำงานกับ บริษัทของผู้ต้องหา ตั้งแต่ เริ่มเปิดบริษัท ทำมากว่า 2 ปี
โดยพฤติกรรม ของผู้ต้องหา จะทำการ เปิด เพจเฟสบุ๊ค รับสร้างบ้านเมื่อมี ผู้เสียหายหลงเชื่อติดต่อเข้ามาก็จะดำเนินการในรูปแบบ บริษัท มีการเซ็นสัญญา และรับเงินไปเป็นงวดๆ แต่ เมื่อรับเงินแล้วก็จะสร้างบ้านไม่เสร็จ ผู้เสียหายบางคน จ่ายเงินไปแล้ว 1-2 ล้านบาท แต่ได้เพียงเสาบ้าน เท่านั้น ในส่วนของตนเองนั้น ทำงานกับผู้ต้องหามา ได้ถูกผู้ต้องหาร้องขอให้ช่วยเซ็นคำประกัน รถแบคโฮ และ รถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อใช้ในการดำเนินงาน จนกระทั้งต่อมาช่วงหลังไม่ได้รับเงินเดือนมากว่า 9 เดือน จนต้องลาออกมา เบื้องต้นตนเอง กำลังถูกหมายศาลฟ้องร้องเรื่องรถแบคโฮ กับ รถ หก ล้อ ตนเองพยายามสอบถามถึง ที่อยู่ของรถแบลโฮ กับ รถ หก ล้อ ว่าอยู่ที่ไหน แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมบอก โดยตนเองเริ่มเอะใจคือช่วง ปีใหม่ ผู้ต้องหากลับจาก จ.มุกดาหาร ซึ่งในช่วงนั้น มีผู้เสียหายที่โดนหลอกสร้างบ้านหลายคน ได้ทำการจ่ายเงินไปให้กับผู้ต้องหา รวมๆ แล้ว กว่า 10 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่มีเงิน ไม่จ่ายค่าแรง ไม่จ่ายค่าของ จะให้ตนเองนำคนงานเข้าไปสร้างบ้านอย่างเดียว
ด้าน นายพงศภัทร บุญเย็น อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ตนเอง กำลังจะสร้างบ้านและได้ไปเจอเฟจในเฟสบุ๊ค มีรูปบ้านอยู่ เลยติดต่อพูดคุยกับทางเพจ โดยสรุปยอดค่าใช้จ่ายมาให้ รวม 5.5 ล้าน ใช้เวลาก่อสร้าง ประมาณ 7 เดือน ในช่วงตกลงทำสัญญา ผู้ต้องหา จะขอเบิกเงินเป็น งวดๆ ตนเองสร้างบ้านด้วยเงินสด ก็จะทำการโดนไป เรื่อย รวมโอนไปแล้วกว่า 3 ล้านบาท ในสัญญาบ้านควรสร้างไปถึงระยะที่หก คือ ระยะการก่อสร้าง ก่อผนังและ มุมหลังคาแล้ว แต่ความเป็นจริงบ้านของตนเองก่อสร้างเสร็จแค่เพียงเสาบ้านเท่านั้น ที่ทราบตนเองน่าจะโดนหลากให้โอนเงินสร้างบ้าน ก็เพราะ นายสายัณห์ เงาสี หรือ ช่างจอร์จ ได้เป็นผู้ช่วยมาสร้างบ้านเค้าก็เช่าบ้านข้างๆ พอช่างแจ้งกับตนเองว่ามันมีปัญหา ในหลายจุด ตนเองจึงได้ทำการสืบหาข้อมูล จนพบพิรุธหลายอย่าง โชคยังดีอยู่ที่ ก่อนหน้านี้ ตนเองเตรียมเงินอีก 2 ล้านเอาไว้เพื่อจะจ่ายโปะค่าบ้านที่เหลือทั้งหมด แต่ยังไม่ได้จ่าย เพราะทราบเรื่องจากทาง นายสายัณห์ เงาสี หรือ ช่างจอร์จ ซะก่อนนอกจากหลอกสร้างบ้านไม่เสร็จแล้ว ผู้ต้องหายังมีการหลอกชักชวนให้ผู้เสียหายอีกหลายคน ลงทุนทำธุรกิจน้ำมัน โดยลงหุ้นจำนวน 5 ล้านบาท จะได้เงินกลับมาเดือนละ 1-10 ล้านบาทอีกด้วย
โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธัญบุรี ได้นำตัวนายวุฒิพงษ์ คนคล่อง อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ทางกลุ่มผู้เสียหายจึงได้นัดกันรวมตัวที่หน้า สภ.ธัญบุรี และเดินทางไปยังศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัว เพราะกลัวหากผู้ต้องหาได้ประกันตัวจะทำการหลบหนี เพราะเบื้องต้นมีผู้เสียหายที่ได้เข้าแจ้งความตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ กว่า 20 รายแล้ว รวมความเสียหายในเบื้องต้นกว่า 30 ล้านบาท และเชื่อว่ายังคงมีผู้เสียหายอีกมาก ที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกและยังไม่ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความ ซึ่งในวันนี้ เอง ก็มีผู้เสียหายได้ประสงค์จะเข้าแจ้งความเรื่องคดีฉ้อโกง ที่ สภ.ธัญบุรี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งให้กลับไป ดำเนินการแจ้งความ ในพื้นที่ของ สภ.ที่เกิดเหตุ(ตามภูมิลำเนา) ทั้ง ๆ ที่ บริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่คลอง 4 จังหวัดปทุมธานี อย่างไรก็ดี ผู้เสียหายทุกคนที่ทราบเรื่อง จะดำเนินการกลับไปแจ้งความเพิ่มเติมใน สภ.ท้องที่เกิดเหตุ และจะรวมตัวกันไปร้องเรียนที่ กองปราบปราม เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป.
สญชัย คล้ายแก้ว รายงาน