กรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนนัดก่อเหตุในเวลาไล่เลี่ยกัน ตั้งแต่เวลา 01.00 น. วันที่ 22 มีนาคม 67 ที่ผ่านมา โดยคนร้ายมุ่งเป้าเข้าไปลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลเว่น ใน 5 อำเภอ และลอบวางเพลิงอีกหลายจุด รวมแล้ว จำนวน 11 จุด ใน 9 อำเภอ ทำให้ได้รับความเสียหาย
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้สรุปสถานการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 9 อำเภอ ดังนี้
1.เหตุลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลเว่น บ้านปูยุด อ.เมืองปัตตานี
2.เหตุลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลเว่น ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
3.เหตุลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลเว่น อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี
4.เหตุลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลเว่น ม.3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
5.เหตุลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลเว่น ม.6 ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
6.เหตุลอบวางเพลิง เสาไฟฟ้า ม.4 ต.ปล่องหอยอ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี
7.เหตุลอบวางเพลิง สำนักงานการไฟฟ้า ม.1 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
8.เหตุลอบวางเพลิง เผาเสาไฟฟ้า ม .5 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
9.เหตุเผายางรถยนต์ บ.เกาะจันทร์ ต.เกาะจันทร์ อ.มายอ
10.ลอบวางเพลิง ที่พักสวีทโฮมรีสอร์ท ม.6 ต.ดอนยาง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
11.เหตุเผายางรถยนต์ บนถนนสาย42 หน้ามัสยิดควนดิน ม.4 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ซึ่งทั้ง 11 จุดไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงทรัพย์สินเสียหาย
ขณะที่เมื่อเวลา 08.30 น. นายวันสุกรี แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานี ได้นำเจ้าหน้าที่ อส.และเจ้าหน้าที่เยียวยาลงพื้นที่เกิดเหตุ ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลเว่น สาขาปูยุด อ.เมือง เพื่อตรวจสอบความเสียหายหลังถูกคนร้ายลอบวางเพลิงโดยพบว่า ภายในร้านยังคงมีกลิ่นน้ำมันเบนซินที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ กระจกหน้าร้านแตก ภายในร้านถูกเพลิงเผาเสียหายเกือบ 100 เปอร์เซ็น รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงกล้องวงจรปิดนอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่บนถนนหน้าร้าน เป้นกระสุนปืน เอ็ม 16 จำนวน 1 นัด ปลอกกระสุน 9 มม. จำนวน 3 ปลอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานจะเก็บไว้เพื่อตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเป็นฝีมือการก่อเหตุกลุ่มใด ซึ่งเช้าวันนี้มีเพียงพนักงานร้านที่เข้าทำงานพลัดเช้ามาตรวจสอบความเสียหายเพื่อแจ้งไปยังเจ้าของ พร้อมกันนี้ นายอำเภอเมืองได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ชุดเยียวยารวบรวมข้อมูลให้ครบเพื่อเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณครั้งนี้
เช่นเดียวกับที่ ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลเว่น สาขาโคกโพธิ์ ตั้งอยู่ริมถนนสายโคกโพธิ์-ลำไพร ม.3 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ พ.ต.ท.ปภาน จันทร์กลับ รอง ผกก.ป. สภ.โคกโพธิ์ นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าเพลิงได้เผาทำลายทรัพย์สินภายในร้านจนหมด กระจกหน้าร้านแตกทั้งหมด แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลา 01.30 น.ที่ผ่านมา คนร้าย จำนวน 3 คนใช้ผ้าปิดบังใบหน้า บุกเจ้าไปในร้าน โดยบังคับให้พนักงานเปิดตู้เก็บเงินก่อนจะปล้นเอาเงินไปทั้งหมดกว่า 1 หมื่นบาท จากนั้นได้ไล่พนักงานออกจากร้านพร้อมพูดว่าจะเผาเซเว่น หลังจากพนักงานฟังแล้วจึงรีบหนีออกจากร้าน คนร้านจึงใช้น้ำมันเบนซินราดบนเคาว์เตอร์และบริเวณอื่น ๆ ในร้านก่อนจะจุดไฟเผาแล้ววิ่งขึ้นรถ จยย.หลบหนีไป ขณะที่ร้านสะดวกซื้ออีก 3 แห่งได้รับแจ้งว่าคนร้ายได้ปฏิบัติการณ์ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันด้วย
ด้าน พล.ต.ต.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาล ผบก.ภ.จ.ปัตตานี กล่าวว่า ได้กำชับให้ชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ทุกจุดเพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุพร้อมรวบรวมวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะการแกะรอยกลุ่มคนร้ายจากกล้องวงจรปิด เบื้องต้นพอจะทราบกลุ่มแล้วแต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้รอการขยายผลจากพยานหลักฐานให้ชัดเจน โดยเฉพาะบางจุดพบหลักฐานซึ่งจะเร่งรัดตรวจสอบและรอผลตรวจเชื่อว่าน่าจะรู้ตัวกลุ่มที่ก่อเหตุ และจากการได้รับข้อมูลทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุลอบวางเพลิงร้านสะดวกซื้อนั้น คนร้ายก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน โดยไม่หวังทำร้ายพนักงานหรือประชาชน คนร้ายจะใช้อาวุธข่มขู่พนักงานให้ออกจากร้านก่อนจะใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟ ต่างจากการก่อเหตุร้านสะดวกซื้อที่ผ่านมาที่คนร้ายจะนำระเบิดเพลิงซุกไว้ในร้านก่อนจะตั้งเวลาก่อเหตุพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางหน่วยความมั่นคงก็ได้รับรายงานมาก่อนแล้วว่ากลุ่มก่อความไม่สงบร่วมกับแนวร่วมชุดปฏิบัติการณ์ในพื้นที่พยายามตอบโต้เจ้าหน้าที่หวังแก้แค้นให้คนร้ายที่ถูกวิสามัญเสียชีวิตขณะปิดล้อมในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งพยายามที่จะก่อเหตุหวังจะทำลายความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลความปลอดภัยในช่วยเดือนรอมฎอน อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความพยายามที่จะป้องกันดูแลความปลอดภัยในประชาชนอย่างเต็มที่หากใครพบความเคลื่อนไหวของบุคคลต้องสงสัยในแจ้งทันทีเพื่อจะได้เร่ดำเนินการตรวจสอบและจับกุมทันที
ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน
