เหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานีมอบรางวัลสลากกาชาด ประจำปี 2567 รางวัลใหญ่ทองคำแท่ง หนัก 30 บาท
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานพิธีมอบรางวัลสลากกาชาด ประจำปี 2567 โดยมี นางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์และผลการดำเนินของเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอำเภอ คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมพิธี
ตามที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีร่วมกับ เหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานีและคณะกรรมการฯ ทุกภาคส่วน ร่วมกันจัดงาน “ของดีเมืองสุราษฎร์ และกาชาดจังหวัด ประจำปี 2567″โดยการจัดงานมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารายได้สมทบทุนเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำไปบรรเทาทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนและส่งเสริมเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมประเพณี สำหรับรางวัลสลากกาชาดในปีนี้ประกอบด้วย
รางวัลที่ 1 ทองคำแท่ง หนัก 30 บาท จำนวน 1 รางวัล
รางวัลที่ 2 รถยนต์ TOYOTA YARIS จำนวน 1 รางวัล
รางวัลที่ 3 รถจักรยานยนต์HONDA WAVE จำนวน 5 รางวัล
รางวัลที่ 4 สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 3 รางวัล
รางวัลที่ 5 โทรทัศน์สี 43 นิ้ว จำนวน 10 รางวัล
รางวัลที่ 6 ตู้เย็น 6.5 คิว จำนวน 20 รางวัล
รางวัลที่ 7 เครื่องซักผ้า 8.5 กิโลกรัม จำนวน 10 รางวัล
รางวัลที่ 8 ไมโครเวฟ 20 ลิตร จำนวน 30 รางวัล
รางวัลที่ 9 รางวัลเลขท้าย 4 ตัว พัดลมตั้งโต๊ะ ขนาด 16 นิ้ว จำนวน 120 รางวัล
รวมรางวัลจำนวน 200 รางวัล
ซึ่งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เหล่ากาขาดจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ออกรางวัลสลากกาชาด ณ เวทีกลางท่าปลาวาฬ ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับผู้ที่ถูกรางวัลสามารถติดต่อรับรางวัลได้ถึงวันที่ 22 มีนาคม 2567 ณ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยการจัดงานดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รายได้จากการจำหน่ายสลากกาชาดและนาวากาชาด ทั้งหมด 18 ล้าน บาท และเงินบริจาคอีก 400,00 บาทหักค่าใช้จ่าย คงเหลือ 12,813,977 บาท และได้นำเงินบางส่วนไปใช้จ่ายในการมอบทุนการศึกษาในวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาและจะนำเงินส่วนที่เหลือไปช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้และผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีต่อไป