จับแล้ว โจรสาวบุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างโลตัสท่ายาง แต่ไม่ได้ทอง ชุดสืบสวนท่ายางใช้เวลาแกะรอย6วัน อ้างทะเลาะกับผัวเลยขับรถมาจาก นนทบุรี ลงมือก่อเหตุเพื่อประชดผัว ผัวช็อกไม่คิดว่าเมียจะกล้าลงมือ
จากกรณี เมื่อเวลา20.00 น.คืนวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเป็นหญิงสาวลักษณะรูปร่างผอมสูงแต่งกายใส่กางเกงวอร์มสีดำแถบขาว สวมเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดสีดำ สวมหมวกแก้ปและคาดแม้สสีดำ สวมรองเท้าฟองน้ำแบบรัดส้นเท้า ใช้ผ้าคลุมคล้ายอาวุธปืนอยู่ในมือ บุกเดี่ยวเข้าไปก่อเหตุจี้พนักงาน แล้วกระโดดข้ามเค้าเตอร์ ภายในร้านทองเยาวราช ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าโลตัสสาขาท่ายาง เลขที่777 หมู่ 1ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี แล้วรื้อค้นหวังชิงทอง แต่โชคไม่เข้าข้างเพราะก่อนหน้านั้นพนักงานทั้ง5คนได้ช่วยกันเก็บทองใส่ตู้เซฟเพื่อเตรียมจะปิดร้าน โดยพอคนร้ายรู้ว่าไม่ได้ทองแน่ เลยวิ่งหลบหนีออกไปทางถนนเพชรเกษม
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.กิตติ สุขสมภักดิ์ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.โชคชัย เนียลเซ็น ผกก.สภ.ท่ายาง ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อรรถพงษ์ นกขุนทอง รอง ผกก.สส.สภ.ท่ายาง และชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง ร่วมกับ ร.ต.อ.สมประสงค์ เพนเทศน์ รองสารวัตรกองบังคับการ1กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว3 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนกองกำกับการ1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว3 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรี ลงพื้นที่ติดตามสืบสวนหาเบาะแสของคนร้ายและตรวจสอบกล้องวงจรปิดรัศมีโดยรอบของห้างสรรพสินค้าโลตัส ตลอดจนเส้นทางที่คาดว่าจะใช้ในการหลบหนี กระทั้งทราบว่า คนร้ายรายนี้เป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน โดยหลังจากก่อเหตุแล้วไม่ได้ทอง คนร้ายได้เดินออกมาจากห้างแล้วมาโผล่ริมถนนเพชรเกษมจากนั้นได้ถอดเสื้อคลุมสีดำออกยัดใส่กระเป๋าสีฟ้า จากนั้นได้เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อไปที่รถกระบะ
ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น D Max ออร์นิว 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ขจ 6679 กทม ของตนเองที่จอดไว้บริเวณทางเข้าหมู่บ้านหนองสัก แล้วขับขี่ไปตามถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าเข้า กทม โดยการแกะรอยติดตามคนร้ายในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง ชุดสืบสวนท่องเที่ยว แบ่งหน้าที่กันปฎิบัติงาน แกะรอยคนร้ายอย่างตรากตรำทั้งกลางวันและกลางคืน รวม5คืน 5วัน จนสามารถทราบเบาะเเสและทราบชื่อคือ น.ส.เด่น ดวง บุพศิริ อายุ30ปี บ้านเลขที่35/13ม8ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี อาศัยเช่าอพาตเม้นท์แห่งหนึ่งเขตนนทบุรี อยู่กับนายบี นามสมมุติ ผู้เป็นสามี ซึ่งมีอาชีพค้าขาย
ล่าสุดเมื่อวันที่21 ธันวาคม 2566 เวลา11.25 น.พ.ต.ท.อรรถพงษ์ นกขุนทอง รอง ผกก.สส.สภ.ท่ายาง พร้อมกำลังได้นำหมายค้นและหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีที่ 475/256 ลงวันที่21 ธันวาคม 2566 เดินทางไปที่อพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่งซึ่งตั้งในซอยบางขุนนนท์ 24 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม เพื่อจับกุมตัว น.ส.เด่นดวง แต่เมื่อไปถึงลานจอดรถ ได้พบกับนายบี สามีของ น.ส.เด่นดวง กำลังขับขี่รถกระบะคันที่ภรรยาขับขี่ไปก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านทองภายในห้างโลตัสเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อเจรจาขอตรวจสอบรถกระบะที่มีหมายเลขทะเบียนตรงกับคนที่ก่อเหตุ แต่นายบีกลับวิ่งหลบหนีแล้วตะโกนเรียก น.ส.เด่นดวง ที่กำลังอาศัยอยู่ในห้องเช่า ให้รู้ตัวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหา เจ้าหน้าที่จึงเกรงว่า น.ส.เด่นดวง จะหลบหนี จึงรีบวิ่งไปควบคุมตัว น.ส.บี ได้ในห้อง ซึ่งอยู่ในสภาพขาทั้งสองข้างถูกพันด้วยผ้าก๊อต ไม่สามารถที่จะวิ่งหลบหนีได้ โดย น.ส.เด่นดวง เผยว่า ตนเพิ่งวิ่งหนีออกมาจากกองเพลิงขณะเพลิงกำลังลุกไหม้ห้องพักของพี่สาวตั้งแต่วันที่16 ธันวาคม ที่ผ่านมา จึงได้รับบาดเจ็บระดับ2 ซึ่งต้องให้แพทย์ทำการรักษาอยู่ ส่วนคดีเกี่ยวกับการก่อเหตุบุกจี้ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าโลตัสสาขาท่ายางเมื่อช่วงค่ำวันที่15 ธันวาคม ที่ผ่านมา น.ส.เด่นดวง ยอมรับสารภาพว่า ตนเองเป็นคนลงมือก่อเหตุจริง โดยช่วงเช้าตรู่ในที่14 ธันวาคม 2566 ตนเกิดมีปากเสียงด้วยเรื่องภาระค่าใช้จ่ายกับนายบีสามีอย่างหนัก จนตนตัดสินใจขับขี่รถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น d max ออร์นิว 4ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน3ขจ6679 กทม ออกจากอพารต์เม้น
โดยนุ่งเพียงกางเกงรำรองขาสั้น และเสื้อยืดกีฬาสีชมพู ติดยี่ห้ออาดิดาสอยู่ด้านหน้า แล้วขับรถไปด้วยครุ่นคิดไปด้วยกระทั่งมีความคิดว่า อยากจะก่อเหตุประชดสามี ตนจึงเข้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่เขตสายใต้ กทม เพื่อซื้อกางเกงวอร์มแบบมีแถบ ,เสื้อคลุมแบบมีฮู้ดสีดำ หมวกแก้ปสีดำ รองเท้าสีดำแบบรัดส้น ,แมสสีดำ และปืนปลอมสำหรับเด็กเล่น จากนั้นได้ขับขี่รถมุ่งหน้าไปทางจังหวัดราชบุรี เพื่อตัดสินใจชิงทรัพย์ร้านทอง แต่ด้วยร้านทองมีผู้คนพลุกพร่าน จึงขับขี่รถไปที่เขตอำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี และขับตระเวนจนรอบห้างโลตัสกระทั่งจอดรถอยู่ริมถนนด้านหลังโลตัสเพื่ออาศัยหลับ กระทั่งรุ่งเช้าวันที่15 ธันวาคม ตนได้ตระเวนดูเส้นทางโดยรอบของห้าง และเห็นว่าไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน จนเวลา19.30 น.ตนได้สวมชุดสีดำที่ซื้อเตรียมมาสวมใส่ทับกับชุดรำรองที่ตนเองสวมใส่อยู่ จากนั้นได้ขับรถมาจอดบริเวณศาลาริมทางหน้าทางเข้าหมู่บ้านหนองสัก ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้าโลตัส แล้วสะพายกระเป๋าสีฟ้าเดินข้ามถนนเข้าไปในห้าง แล้วฉวยโอกาส เดินถือปืนโดยมีผ้าสีฟ้าคลุมเอาไว้ ไปที่เคาเตอร์ห้างทองเยาวราชสาขาโลตัสท่ายาง ซึ่งขณะนั้นมีพนักงาน4-5คนกำลังชุลมุนกับการเก็บทองใส่ตู้เซฟ ตนจึงใช้ปืนปลอมขู่ทำให้พนักงานตกใจรีบมุดลงไปใต้เคาท์เตอร์ ตนจึงปีนข้ามเข้าไปเพื่อค้นหาทองแต่ไม่พบแม้แต่สักเส้นเดียว จึงตัดสินใจเดินออกมาริมถนนเพชรเกษมทั้งๆที่ไม่ได้ทองติดมือมาสักเส้นเดียว ฝ่าความมืดแล้วถอดเสื้อคลุมและกางเกงใส่กระเป๋าสะพายแล้วเดินข้ามถนนมาขับขี่รถกระบะหลบหนีเข้า กทม. ระหว่างทางได้นำกางเกง ปืนปลอม หมวก รองเท้า โยนทิ้งลงเเม่น้ำที่นนบุรี และขอค้างคืนกับพี่สาวที่อพาร์ตเม้นต์1คืน แต่ขณะที่พี่สาวออกไปทำงาน จึงทิ้งให้ตนอาศัยอยู่ในห้องเพียงคนเดียวแต่ขณะที่ตนกำลังพักผ่อนได้สังเกตุเห็นเปลวเพลิงกำลังรุกไหม้ ตนจึงฝ่าเปลวเพลิงเพื่อเอาตัวรอด แต่เปลวเพลิงได้รุกไหม้ขาทั้งสองข้างจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งพนักงานสอบสวนพื้นที่เพลิงไหม้ อยู่ระหว่างการเชิญตัว น.ส.ดวงเด่น ไปให้ปากคำเพิ่มเติมในวันเสาร์ที่23 ธันวาคม แต่ น.ส.เด่นดวง มาถูกตำรวจ สภ.ท่ายาง สืบทราบและเข้าจับกุมตัวได้เสียก่อน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว น.ส.ดวงเด่น บุพศิริ นั่งรถเข็นหลังจากได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกไฟไหม้ขาทั้งสองข้างมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขั้นตอนการก่อเหตุทั้งหมดจนถุงชี้เส้นทางที่ใช้ในการหลบหนีหลังก่อเหตุท่ามกลางไทยมุงที่ทราบข่าวเดินทางมาดูอย่างมากมาย
ต่อมา พล.ต.ต.กิตติ สุขสมภักดิ์ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.โชคชัย เนียลเซ็น ผกก.สภ.ท่ายาง พ.ต.ท.อรรถพงษ์ นกขุนทอง รอง ผกก.สส.สภ.ท่ายาง และชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง ร่วมกับ ร.ต.อ.สมประสงค์ เพนเทศน์ รองสารวัตรกองบังคับการ1กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว3 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ท่ายาง ร่วมกันแถลงข่าว ปิดคดีคนร้ายจี้ชิงทรัพย์พื้นที่ท่ายาง ส่วนผู้ก่อเหตุถูกแจ้งข้อหา พยายามชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนและยานพาหนะ”