ด่วน! กองทัพบกเตรียมรับคนไทยจำนวน 41 คน จากสถานการณ์สู้รบในเมืองเล่าก์ก่ายประเทศเมียนมา กลับสู่ประเทศไทย
จากสถานการณ์สู้รบของกองกำลังกลุ่มชาติพันธ์กับทหารเมียนมา ส่งผลให้คนไทยในเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมาต้องประสบปัญหา ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก กองทัพบกได้มอบหมายให้หน่วยรับผิดชอบ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทำงานร่วมกับหน่วยต่างๆที่สามารเข้าถึงพื้นที่และข้อมูลความเคลื่อนไหวที่สำคัญได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการ ทำงานร่วมกับ มูลนิธิเอ็มมานูเอล (IMF Thailand) โดยกองทัพบกไทย ได้สร้างช่องทางการติดต่อสื่อสารกันระหว่างมูลนิธิฯ เชื่อมต่อไปถึง กลุ่มคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน
ขั้นตอนการไทม์ไลน์การรับตัวคนไทยกลับสู่ประเทศไทย
1. ทหารเมียนมาจะรับมอบตัว คนไทย 41 คน จาก ทหารว้า โดยจะอยู่ในความรับผิดชอบ ของ ผู้บัญชาการทหาร ภาคพื้นสามเหลี่ยม กองทัพเมียนมา
2. เมื่อ ทหารเมียนมารับตัวคนไทย 41 คนเรียบร้อย จะดำเนินการ อำนวยความสะดวกมาส่งที่ จ.เชียงตุง สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (ไม่สามารถเดินทางมายัง จ.ท่าขี้เหล็ก ได้ทันที เนื่องจากระยะทางไกล)
3. หลังจากพักที่ จ.เชียงตุง ทหารเมียนมาจะอำนวยความสะดวกในการส่งตัวคนไทย 41 คน มายัง จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า
4. เมื่อถึง จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (อย่างเร็วที่สุดคือวันที่ 16 พ.ย. อย่างช้าที่สุดไม่เกิน วันที่ 17 พ.ย.) คนไทยทั้ง 41 คน จะไปที่ กรมยุทธศึกษาทหารบก ท่าขี้เหล็ก
5. เมื่อคนไทย 41 คน เดินทาง ถึง กรมยุทธศึกษาทหารบก ท่าขี้เหล็ก ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ประธาน TBC ฝ่ายไทย จะนำรถโดยสารปรับอากาศ (จัดจาก มณฑลทหารบกที่ 37) เข้าไปรับคนไทย ออกจาก กรมยุทธศึกษาทหารบก ท่าขี้เหล็ก จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า โดยใช้ช่องทาง จุดผ่านแดนถาวรสะพานฯ แห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย
6. เมื่อรับตัวคนไทยเดินทางมาถึง จุดผ่านแดนถาวรสะพานฯ แห่งที่ 2 จะดำเนินการคัดกรองโรค โดย โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช และรับประทานอาหาร ณ อาคารด่านศุลกากร ประจำจุดผ่านแดนถาวรสะพานฯ แห่งที่ 2 รวมทั้งดำเนินกรรมวิธี ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่เกี่ยวข้องอื่นๆต่อไป
ฝ่ายเมียนมา ยืนยันว่า คนไทยทั้ง 41 คน จะถูกส่งตัวได้อย่างเร็วที่สุด ในวันที่ 16 พ.ย. และอย่างช้าที่สุด ไม่เกินวันที่ 17 พ.ย. รายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ จะแจ้งให้ทราบต่อไป.
ทรงวุฒิ ทับทอง
