ทนายอนิรุจน์ คงทรัพย์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายเป็นหญิง 2 คน ซึ่งเป็นป้ากับหลาน เพื่อให้ช่วยเหลือหลังไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยผู้เสียหาย เล่าว่า ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม 2559 ได้รู้จักกับชายชาวจีนคนหนึ่ง และได้ติดต่อคุยกันเรื่อยมาจนกระทั่งได้ตกลงคบหากันและมีบุตรด้วยกัน 1 คน และต่อมาได้เช่าขคอนโดมิเนียมอยู่ด้วยกัน ย่านหาดจอมเทียนค่าเช่าเดือนละ 18,000 บาท และชายชาวจีนคนดังกล่าวตกลงจะให้ค่าใช้ง่ายในการเลี้ยงดูบุตรเดือนละประมาณ 20,000-30,000 บาท โดยไม่ทราบว่ามีภรรยาอยู่แล้ว
ต่อมาช่วงต้นเดือนมกราคม 2563 ผู้เสียหายและชายชาวจีนได้มีการปรึกษากันในการที่จะซื้อรถยนต์เพื่อความสะดวกในการเดินทางเนื่องจากมีบุตร ชายชาวจีนได้ตกลงซื้อรถยนต์ขี่ห้อ เมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่น อี350อี ทะเบียนเลขที่ 8กน333 1 กรุงเทพฯ ราคา 2,800,000 บาท เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา โดยซื้อขายในนามตัวเองและได้ชำระเงินดาวน์ไปจำนวน 7 แสนบาท และชายชาวจีนได้ช่วยออกเงินให้จำนวน 370,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินที่เก็บสะสมไว้ ซึ่งจะผ่อนชำระงวดละ 36,770 บาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2563 ชายชาวจีนพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นภรรยากัน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยาพร้อมกับพวกทั้งหมด 4 คน ได้บุกมาที่คอนโดมิเนียมที่พักอาศัย และถูกผู้หญิงคนดังกล่าวพูดจาข่มขู่ต่างๆนาๆ ทำให้เกิดความหวาดกลัว และได้หยิบเอากุญแจรถยนต์ไป โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ยินยอม และเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ผู้เสหายและป้าได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์กับผู้หญิงคนดังกล่าวกับพวกโดยพนักงานสอบสวนมีคำสั่งฟ้อง แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องโดยให้เหตุผลว่า “รถคันดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของผู้กล่าวหาและผู้ต้องหา ต่างย่อมมีสิทธิ์ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินดังกล่าว โดยลักษณะของตัวทรัพย์ไม่อาจแบ่งเเยกตัวทรัพย์ออก หรือกำหนดการครอบครองและใช้ประโยชน์เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งได้ การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 4 จึงไม่เป็นการลักทรัพย์ตามข้อกล่าวหา คดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง
จากนั้นวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ผู้เสียหายได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดพัทยาในคดีหมายเลขคำที่ อ.827/65 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพท์ ต่อมาศาลได้มีคำสั่งคดีมีมูล เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 และนัดสืบพยานโจทก์ จำเลย ในวันที่ 27-28-29 กุมภาพันธ์ 2567 การกระทำของผู้หญิงคนคังกล่าวกับพวก ทำให้ผู้เสียหายและป้าซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันรถยนต์ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากต้องผ่อนชำระค่างวดรถ และได้ถูกทวงถามค่างวดรถ ซึ่งเห็นว่าเมื่อคนดังกล่าวเป็นผู้นำรถยนต์ไปก็ต้องเป็นผู้ชำระค่างวดรถ แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ได้ชำระค่างวดรถแต่อย่างใด และไม่ได้นำรถไปคืนที่บริษัท ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
ต่อมา ธนาคารทิสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ได้ยื่นฟ้องผู้เสียหายและป้า เป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกัน ข้อหาผิคสัญญาเช่าซื้อ/ค้ำประกัน ต่อศาลจังหวัดพัทยาเป็นคดีคำเลขที่ ผบE41 1/64 คดีแดงเลขที่ ผบE764/2564 โดยศาลพิพากษาให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันชำระเงินรวมดอกเบี้ยที่คิดถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2566 เป็นจำนวนประมาณ 2,183,600 บาท และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งหมายบังคับคดีมาที่บ้านเลขที่ 139/6 ม.9 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา หากไม่ชำระจะทำการยึดบ้านและทรัพย์สินออกขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก หากเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดบ้านซึ่งเป็นทรัพย์สินออกขายทอดตลาด ก็จะไม่มีที่อยู่อาศัย
ผู้เสียหายจึงเข้าพบทนายอนิรุจน์ คงทรัพย์ ที่สำนักงาน เพื่อขอความเป็นธรรม และตรวจสอบจริยธรรมของผู้หญิงคนดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยาต่อสื่อมวลชนทั้งหลายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ กับบุคคลซึ่งเป็นนักการเมือง ซึ่งหากเขาเป็นผู้นำรถยนต์กันดังกล่าวไปใช้ก็จะต้องชำระค่างวดรถให้แก่บริษัท ทิสโก้ แต่หากไม่สามารถชำระค่างวดรถได้ด้วยเหตุผลใด ก็จะต้องนำรถส่งคืนแก่บริษัทหรือนำรถยนต์มาคืนให้เพื่อที่จะได้ชำระค่างวดตามปกติ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น โดยผู้หญิงคนดังกล่าวมีตำแหน่ง เป็นสมาชิกสภาเมืองพัทยา เป็นตัวแทนของประชาชนรับอาสาเข้ามาทำงานเพื่อช่วยเหลือและดูแลประชาชน แต่กลับมีพฤติกรรมและการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม ทำให้สังคมมองว่าข้าราชการการเมืองใช้ตำแหน่งหน้าที่มาข่มขู่หรือรังแกประชาชน จึงอยากขอให้สื่อมวลชนทั้งหลายช่วยตรวจสอบคุณธรรมและจริยธรรมด้วยว่าการกระทำดังกล่าวนี้สมควรที่จะเป็นข้าราชการการเมืองอยู่หรือไม่