สตูล ชาวประมงยื่นหนังสือ ขอเนินการแก้ไขกฎหมายประมงอย่างเร่งด่วน

สตูล ชาวประมงยื่นหนังสือ ขอเนินการแก้ไขกฎหมายประมงอย่างเร่งด่วนวันนี้ 6 ธ.ค.2562เวลา13.00 น.ที่ หน้าศาลากลาง จ.สตูล (หลังเก่า) ได้มีกลุ่มชาวประมงทะเล จากหลากหลายประเภท นำโดยนายสมเกียรติ เลียงประสิทธิ์ นายกสมาคมประมง จ.สตูล นายอรุณ ชูประสิทธิ์ ที่ปรึกษาสมาคมประมงจ.สตูล ได้รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีผ่านผู้ว่าราชการ จ.สตูลในเวลาต่อมา นายศักดา วิทยาศิริกุล รองผวจ.สตูล รรท.ผวจ.สตูล ได้ออกมารับหนังสือจากชาวประมงดังกล่าวโดยหนังสือดังกล่าวมีใจความว่าตลอดระยะเวลา 4-5 ปี

ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการต่างๆ ได้ออกกฏระเบียบ ประกาศและมาตรการต่างๆบังคับใช้กับชาวประมงทุกประเภททำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบอาชีพประมงจนทำให้ผู้ประกอบการประมงจำนวนมาก ต้องเลิกอาชีพประมงมีภาวะหนี้สินเพิ่มขึ้น ทั้งที่ในปัจจุบันประเทศไทยได้ถูกปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรปแล้ว และแม้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พยายามแก้ปัญหาให้ชาวประมงอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่คลี่คลายและไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมเนื่องจากติดขัดระบบราชการและการตัดสินใจต่างๆ ของผู้มีอำนาจรวมทั้งยังมีการออกกฏ ระเบียบ ที่สร้างปัญหาใหม่ๆมาอีกเช่นเรื่องการจะบังคับให้ชาวประมงชำระค่าน้ำมันผ่านระบบฟรีทการ์ด ซึ่งเป็นระบบเงินสดในขณะที่ภาคเกษตรอื่นๆ ภาครัฐกลับดูแลอย่างเต็มที่ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ได้สร้างความไม่สบายใจต่อชาวประมงเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงขอให้หน่วยงานต่างๆ เร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วนเพราะชาวประมงไม่มีที่จะยืนแล้ว

ข้อเรียกร้องทั้ง 11 ข้อ นายสมเกียรติ เลียงประสิทธิ์ กล่าวว่าหาก ข้อเรียกร้องทั้ง 11 ข้อ ที่ชาวประมงได้ยื่นเรียกร้องไปยังรัฐบาลนั้น เป็นไปตามมติของ สปท.คือให้หยุดกฎหมายที่จะออกมาบังคับใช้กับชาวประมงทั้งหมด เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนกับผู้ประกอบอาชีพประมง ทั้งนี้โดยยื่นคำขาดว่าหากภายในวันที่ 16 ธันวาคม นี้ รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนหรือข้อเรียกร้องไม่ได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชาวประมงจะนัดรวมตัวกันเคลื่อนไหวเข้าไปยังเรียกร้องในกรุงเทพมหานครและวันนี้ได้พร้อมกันเรียกร้องทั้ง 22จังหวัดทั่วประเทศถ้ายังเงียบในวันที่ 16 ธ.ค.62 ชาวประมงจะรวมตัวชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อขออนุญาตชุมนุมในที่สาธารณะแต่จะรอฟังคำตอบจากรัฐบาลก่อน อย่างไรก็ตามการยื่นหนังสือดังกล่าวนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องปากท้องของชาวบ้านชาวประมงได้รับความเดือดร้อน