กองทัพบกเผย “หยุดยาเสพติดไว้ที่แนวชายแดน” สัมฤทธิ์ผล ปี ๖๒ ยึดยาบ้าได้ถึง ๑๘๔ ล้านเม็ด ส่งดำเนินคดี ๑๗๑๑ คดี พร้อมเดินหน้าสกัดกั้นต่อ
จากความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และขับเคลื่อนอย่างตรงเป้าหมาย รวมถึงความร่วมมือของประชาชน ทำให้นโยบาย หยุดยั้งยาเสพติดและ อาวุธสงครามไว้ที่แนวชายแดน ซึ่ง พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศไว้ตั้งแต่ ปี ๒๕๖๑ ตามแนวนโยบายของรัฐบาล เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยกองกำลังชายแดนของกองทัพบกได้บูรณาการร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเบาะแสจากประชาชน เปิดยุทธการกวาดล้างสกัดกั้นอย่างเข้มงวดทั้งด้านการข่าว การลาดตระเวน การสนธิกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย การปะทะกับขบวนลำเลียงยาเสพติด การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัดบริเวณด่านพรมแดน ตามช่องทางธรรมชาติและเส้นทางคมนาคม การสร้างเครือข่ายติดต่อสื่อสารส่งผ่านข้อมูลระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อใช้ในระหว่างปฏิบัติการติดตามขบวนการยาเสพติด รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ปิดช่องการลักลอบลำเลียงผ่านระบบดังกล่าว เป็นต้น
ในภาพรวมประชาชนให้การตอบรับมาตราการสกัดกั้นยาเสพติดดังกล่าวเป็นอย่างดี โดยตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๒ สามารถตรวจพบและจับกุมผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติยาเสพติด จำนวน ๔,๓๗๙ ครั้ง ผู้ต้องหา ๖,๔๒๘ คน ยึดยาเสพติดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ได้แก่ ยาบ้า ๑๘๔,๑๗๗,๓๒๒ เม็ด ไอซ์ ๓,๐๑๒ กิโลกรัม กัญชา ๒๐,๕๘๗ กิโลกรัม เฮโรอีน ๗๔ กิโลกรัม พืชกระท่อม ๔,๑๖๗,๔๖๕ กิโลกรัม เป็นต้น พร้อมส่งต่อให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ๑,๗๑๑ คดี และคดีถึงที่สุดแล้ว ๗๒ คดี โดยมีการติดตามความคืบหน้าทางคดี และขยายผลสู่ต้นตอของขบวนการลักลอบยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนยังคงมีความพยายามลักลอบลำเลียงโดยเฉพาะในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกองกำลังชายแดนกองทัพบก จะยังเดินหน้าบูรณาการกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในทุกมิติ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมกันขจัดปัญหายาเสพติดไม่ให้ส่งผลกับประชาชนทั้งสองประเทศและมิให้เข้ามาบั่นทอนความสงบสุขของสังคมไทยต่อไป