ช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา……โฆษกกองทัพภาคที่ 3 เผย…..แม่ทัพภาคที่ 3 ห่วงผู้ประสบอุทกภัย…สั่ง รพ.ค่ายฯ ทุกแห่ง….เฝ้าระวังโรคที่จะเกิดการแพร่ระบาดภายหลังน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2562 พันเอก ชาตรี มณีพงษ์ รองผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 พร้อมด้วย พันเอก ดร. รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ร้อยเอก หญิง มณฑิรา พรมศรี ผู้ช่วยโฆษกกองทัพภาคที่ 3 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมทีมช่างภาพ และฝ่ายสื่อมวลชน PR ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 ขึ้นถิ่นเขาค้อ เส้นทางท่องเที่ยวสายเหนือแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานในภารกิจที่สำคัญของกองทัพภาคที่ 3 ตามนโยบายของกองทัพบก ณ ณ อาคารกสิกรไทย ศูนย์อำนวยการประสานงานและแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนากลุ่มน้ำเข็ก อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีสาระสำคัญ ได้แก่ ความมั่นคงด้านอาหารกับเครือข่ายการเกษตร ค่ายพ่อขุนผาเมือง โครงการปรับปรุงถนนวงแหวน เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เชื่อม 4 ตำบล อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ การปราบปรามการหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
โดยมีประเด็นที่ห่วงใย…การเฝ้าระวังโรคที่จะเกิดการแพร่ระบาดภายหลังน้ำท่วม ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือนภัย พายุระดับ 3 (โซนร้อน) “โพดุล” ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน โดยจะมีผลกระทบต่อลักษณะอากาศประเทศไทย ในช่วงวันที่ 29 สิงหาคม – 2 กันยายน 2562 ทำให้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ จากผลกระทบของอิทธิพลพายุดังกล่าว ทำให้มีฝนตกหนักและเกิดภาวะน้ำป่าไหลหลาก, น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ (แพร่, เชียงใหม่, เพชรบูรณ์, น่าน, อุตรดิตถ์, พิษณุโลก, พิจิตร และแม่ฮ่องสอน)
แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้หน่วยทหาร และโรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ เข้าช่วยเหลือประชาชนกว่า 45,000 ครัวเรือน ที่ประสบภัยพิบัติ และได้รับผลกระทบจากพายุโพดุลโดยเร่งด่วน นอกจากนี้ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อเฝ้าระวังโรคที่มักจะเกิดการแพร่ระบาดภายหลังน้ำท่วมที่สำคัญ ได้แก่ โรคตาแดง โรคไข้เลือดออก โรคไข้ฉี่หนู โรคอุจจาระร่วง อหิวาตกโรค
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ มีอาการบ่งชี้ของโรคใกล้เคียงกับลักษณะดังกล่าว ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหาร หรือโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยด่วน