ประชุมสัมมนาการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม ในการพัฒนาพื้นที่เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( EEC)
นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา “การสร้างเครือข่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ EEC อย่างยั่งยืน” โดยมี นายบรรลือ กุลละวณิชย์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธีเปิดและร่วมสัมมนาเป็นจำนวนมาก ณ ห้องประชุมทัพพระยา ศาลาว่าการเมืองพัทยา
ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor (EEC) พื้นที่ 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ ด้านการผลิต การส่งออกและเทคโนโลยี เป็นการสร้างรายได้เพื่อนำพาประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมี ดร.อภิชาติ ทองอยู่ ที่ปรึกษาเลขาธิการโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี และประธานคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษวันออก (EEC HDC:Eastern Economic Corridor Human Development Center) เป็นวิทยากร ในหัวข้อ “ความคืบหน้าการดำเนินการEEC กับการพัฒนาชีวิตวันนี้” การเสวนา “EEC กับการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” โดย ดร.เพ่ง บัวหอม ประธานคณะกรรมการประสานงานพัฒนาท้องถิ่นระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก และนายสุทธา เหมสถล ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลบ้านฉาง มาบรรยายเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ร่วมสัมมนา
ดร.อภิชาติ ทองอยู่ กล่าวว่า โครงการอีอีซีจะเป็นจักรกลสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น รัฐบาลจึงกำหนดแผนดังกล่าวโดยเลือกพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก เป็นพื้นที่โครงการฯ เนื่องจากพบว่ามีภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ และมีการตราเป็นกฎหมายเพื่อให้เกิดความมั่นใจในด้านการลงทุนของนานาประเทศ อย่างไรก็ตามการที่จะทำให้พื้นที่อีอีซี.มีความพร้อมในการรองรับก็ต้องจัดแผนรองรับที่สมบูรณ์ ทั้งระบบคมนาคม สาธารณูปโภค ลอจิสติกส์ อุตสาหกรรมแบบ 4.0 และโครงข่ายที่ใช้ในการรองรับ ขณะนี้โครงการอีอีซี. มีความคืบหน้าไปมาก ทั้งการจัดทำท่าเรือบกที่ จ.ฉะเชิงเทรา การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน รวมทั้งการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้กว่า 50 ล้านคนต่อปี เช่นเดียวกับการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด-จุกเสม็ด และท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 รวมไปถึงระบบรถไฟรางคู่เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้า ลดปัญหาต้นทุนการขนส่งและปัญหาการจราจร รวมทั้งผลักดันนวัตกรรมแบบไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่พบคือประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องของอีอีซี รวมทั้งความคืบหน้าในด้านต่างๆ โดยขอความร่วมมือในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงนโยบายที่จะส่งผลดีต่อการพัฒนาและสนับสนุนให้อีอีซีสร้างความเจริญก้าวหน้าแก่ท้องถิ่นอย่างมั่นคง ยั่งยืนต่อไป
สำหรับในส่วนของเมืองพัทยา นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่าเมืองพัทยา เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ให้ความสำคัญต่อนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC เป็นอย่างมาก เพราะเมืองพัทยาเปรียบเสมือนศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่เป็นพื้นที่สำคัญในการเชื่อมต่อไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออก และตามที่ภาครัฐได้ผลักดันโครงการรถไฟฟ้าความ
เร็วสูงเชื่อมต่อภูมิภาคมายังเขตภาคตะวันออกเพื่อส่งเสริมในด้านการคมนาคมขนส่งและเศรษฐกิจนั้น ในส่วนของเมืองพัทยาเองกำลังศึกษารายละเอียดรถไฟรางเบาที่จะเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้าความเร็วเข้ามายังตัวเมืองเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามา รวมถึงบริหารจัดการด้านขนส่งมวลชนท้องถิ่นให้มีความสะดวกรวดเร็วในด้านการคมนาคม ทั้งนี้เป็นการพัฒนาเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าต่อประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป
นิราช ทิพย์ศรี/นันทพล ทิพย์ศรี จ.ชลบุรี รายงาน
ภาพ/ข่าว สาคร แสมสาร