สงขลา-สะเดา ผช.ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ด่านพรมแดนสะเดาติดตามการลักลอบขนน้ำมันปาล์มเถื่อน
เมื่อเวลา 12.30 น. พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรณสพ ผช.ผบ.ทบ. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพล วรพันธ์ ผบ.มทบ 42 อ.หาดใหญ่ พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผบ.ฉก. ร 5 กองกำลังเทพสตรี และคณะ เดินทางมาตรวจสอบติดตามการลักลอบขนน้ำมันปาล์มเถื่อนตามแนวชายแดนที่ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามนโยบายการพยุงราคาน้ำมันปาล์มของรัฐบาล ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศ แต่เกิดปรากฏการณ์ราคาน้ำมันปาล์มต่างประเทศมีราคาลดลง ส่งผลให้มีการลักบอลขนน้ำมันปาล์มเข้าประเทศในรูปแบบต่างๆเช่นการขนแบบกองทัพมด และการลักลอบน้ำเขข้าของกลุ่มทุนรายใหญ่ขนกับรถรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์โดยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบของ เจ้าหน้าทีพบว่า มีบริษัทแจ้งสำแดงนำเข้ามี 2 บริษัทปลายทางคือประเทศเวียดนามและกัมพูชา
ทางด้าน รอง ผช. ผบ.ทบ.ข้องใจว่ากรณีรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์กรณีที่เป็นรถเปล่ามีมาตราควบอย่างไร ไม่ให้ขนน้ำมันปาล์มเข้ามา ซึ่งทางด่านศุลการได้ชีแจงว่า ได้มีการตรวจสอบเอกสารว่าตรงกับสินค้าที่ขนมั้ย ส่วนรถเปล่าทางรถจะต้องเปิดประตู้ค้างไว้ทุกครั้งที่เข้าด่านสะเดา
ผช.ผบ.ทบ.กล่าวว่าในฐานะประธานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามน้ำมันปาล์มเถือ่นเข้ามาในราชอาณาจักร ในขณะที่น้ำมันปาล์มในต่างประเทศมีราคาถูก ส่งผลให้มีขบวนการลักลอบขนน้ำมันปาล์มเถื่อนเข้ามาในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางเรื่อ เบื้องต้นจากากตรวจที่ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์เราไม่พบการลักลอบขนน้ำมันปาล์ม แสดงว่ามาตรการเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ ตามนโยบายรัฐบาลมีประสิทธิภาพดี
มาตราตราการยกระดับราคาน้ำมันปาล์มของรัฐบาลที่ผ่านมาได้ผลมาก ในการสนันสนุนนำน้ำมันปาล์มไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงปีละหลายแสนตัน และนำมาผสมกับนำมันอี 20 เป็นนำมันเชื้อเพลิงที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ในราคาที่เหมาะสมเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนกันมาใช้นำมันปาล์มมากขึ้น ส่วนนโยบายของกองทัพเราใช้นโยบายทางการข่าวกับผู้ลักลอกขนรายใหญ่เป็นหลัก ส่วนรายเล็กเรามีมาตราการปราบปรามตามแนวชายแดนอยู่แล้ว
ภาพ/ข่าว มณีรัตน์ แก้ววิเชียร ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสงขลา