ตัวแทนองค์กรเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมือง บุกศูนย์ข่าวไทยรัฐ จ.เชียงใหม่ เพื่อยื่นร้องเรียน กรณีการเสนอเขียนข่าวว่า ชาวเขาแห่เผาป่า ชี้เป็นการเหมารวม วอนนำเสนอข้อเท็จจริง ย้ำ ชาวเขามีการจัดการไฟป่าเป็นระบบ และ ช่วย เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าโดยตลอดไม่เคยคิดเรียกค่าตอบแทน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 พ.ค.2562 นี้ ที่บริเวณหน้าศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถ.ทิพยเนตร ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลุ่มตัวแทนองค์กรเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย(คชท.) 38 กลุ่มชาติพันธุ์ และภาคองค์กรเครือข่าย นำโดยนายไวยิ่ง ทองบือ ประธานมูลนิธิภูมิปัญหาชาติพันธุ์ และประธานเครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง พร้อมกับกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 30 คน พร้อมป้ายกระดาษระบุความไม่พอใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ได้เดินทางมายื่นหนังสือกรณีการพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฯ หัวข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ที่ระบุว่า เชียงใหม่อ่วมอีก ชาวเขาแห่เผาป่า รอเพาะปลูกฤดูฝน’ สร้างความเสียหายต่อภาพชนเผ่าโดยรวม ทำให้เกิดความไม่พอใจ จึงมาเรียกร้องขอให้สื่อแสดงความรับผิดชอบ โดยมีนายชัยพินธ์ ขัติยะ หัวหน้าศูนย์ข่าวไทยรัฐออกมารับหนังสือ โดยมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ เดินทางมาอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และความสงบเรียบร้อย โดยทางตัวแทนกลุ่มได้อ่านแถลงการณ์ในหนังสือที่เรียกร้อง
โดย น.ส.วิไลลักษณ์ เย่อเบาะ เลขาเครือข่ายฯ ได้อ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องว่า จากการนำเสนอข่าวดังกล่าวนี้ ถือเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เป็นการตีตราและเหมารวม เป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ถือเป็นการนาเสนอข้อมูลของบุคคลที่มีอคติทางชาติพันธุ์ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย ทำให้สังคมโดยทั่วไปมีความเข้าใจที่ผิด และอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนคนไทย ที่อยู่ร่วมกันเป็นสังคมแบบพหุวัฒนธรรมได้ ในข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชนเผ่าพื้นเมืองที่ผ่านมา ชุมชนชนเผ่าพื้นเมืองได้มีการจัดการไฟป่าอย่างเป็นระบบ และได้ร่วมกันดับไฟป่ามาอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง
โดยส่วนมากแล้วเป็นการอาสาสมัครของคนในชุมชนที่มาร่วมด้วยช่วยกัน โดยไม่ได้คำนึงถึงความยากลำบากและความเหน็ดเหนื่อย หลายชุมชนดำเนินการโดยไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานใดๆ และบางแห่งยังมีผู้ที่เสียชีวิต จากการเข้าไปดับไฟ ด้วย คชท.ร่วมกับภาคีองค์กรและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จึงขอเรียกร้องให้สื่อดังกล่าวได้แสดงความรับผิดชอบ ดังนี้
1.ให้สื่อมวลชนออกมาแสดงความรับผิดชอบ ต่อการกระทำของตนด้วยการขอโทษต่อชนเผ่า โดยต้องนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงของชุมชนชนเผ่าพื้นเมือง ที่ได้ช่วยกันจัดการไฟป่าด้วยความเสียสละ และเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวของท่านจะไม่มีการนำเสนอข่าวอย่างมีอคติทางชาติพันธุ์ต่อชนเผ่าพื้นเมือง ข่าวที่เป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ และสร้างความแตกแยกให้กับประชาชนคนไทย ด้วยเหตุแห่งความแตกต่างในถิ่นที่อยู่ ความเชื่อ และวิถีวัฒนธรรมต่อไป รวมถึงเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งที่บานปลาย
2. ให้สื่อทำหน้าที่สื่อในการค้นหา และนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ และสาเหตุของการเกิดไฟป่า เพื่อให้สังคมได้รับรู้ และร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมต่อไป พร้อมทั้งขอให้ร่วมเข้าพื้นที่ชุมชนชนเผ่าพื้นเมืองเพื่อพิสูจน์การจัดการไฟป่าและการดูแลรักษาทรัพยากรดิน-น้ำ-ป่า ตามวิถีชนเผ่าพื้นเมืองของกล่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าชุมชนชนเผ่าพื้นเมืองที่อยู่ในเขตป่า มีภูมิปัญญาในการจัดการไฟป่า เพราะพวกเรา คือประชาชนกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า จึงเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไปดับไฟป่า และเป็นผู้มีสำนึกในการปกป้องรักษาป่าที่เป็นแหล่งอาหารของชุมชน และพวกเราได้เสียสละร่วมกันจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยังยืนเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ
คชท.ร่วมกับภาคีองค์กรและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความสนใจ และร่วมการแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพประชาชนในประเทศไทยด้วยความจริงใจ พวกเราขอยืนยันและรวมพลังในการทำหน้าที่ สนับสนุนการจัดการไฟป่าของชุมชนชนเผ่าพื้นเมืองตามวิถีชีวิตและสอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ต่อไป รวมทั้งประกาศว่าจะขอติดตามความคืบหน้าในการนำเสนอข่าวที่ถูกต้อง และเป็นธรรมและยินดีสนับสนุนการปฏิบัติการที่ดีของบุคคล และหน่วยงานทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่ต่อไป.
ด้านนายชัยพิณ ขัติยะ หัวหน้าศูนย์ข่าวไทยรัฐจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกมารับหนังสือและพูดคุยกับพี่น้องชาติพันธ์ถึงการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนพร้อมระบุว่าที่ผ่านมาทางไทยรัฐได้ทำงานกับพี่น้องชาติพันธุ์มาโดยตลอด อย่างไรก็ตามจะนำหนังสือที่ทางพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ยื่นวันนี้ส่งไปยังกองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์ที่กรุงเทพมหานครให้ทราบและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน จึงทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่มายื่นหนังสือได้พอใจและแยกย้ายกันกลับบ้าน