วันที่ 31 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายแพทย์ วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และ นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ในฐานะกรรมการบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ( I WIND) ส่งทนายความยื่นหนังสือถึง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ไอเฟค(IFEC) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่งของบริษัท I WIND โดยระบุว่า ตรวจพบความผิดปกติในการบริหารงาน 4 ประเด็น
ประกอบด้วย 1.การจัดซื้อ จัดจ้างโดยไม่ผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎระเบียบบริษัท มีการปกปิดข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญ เช่น เรื่อง การจัดซื้อแบตเตอรี่ โดยมีการลงนามในสัญญาจากผู้บริหารคนดังกล่าวเพียงคนเดียว ขัดต่ออำนาจกรรมการที่ลงนามผูกพันแทนบริษัทได้ซึ่งระเบียบบริษัทกำหนดให้ต้องมีกรรมการลงลายมือชื่อ 2 คน รวมทั้งยังตรวจพบอีกว่าเป็นการขออนุมัติการจัดซื้อย้อนหลังจากที่ผู้บริหารคนดังกล่าวลงนามไปแล้วด้วย
ประการที่ 2.ผู้บริหารคนเดียวกันไม่ลงนามในการชำระเงินประกันค่าก่อสร้างที่ค้างจ่าย จำนวนร้อยละ 10 ของค่าจ้างเป็นเหตุให้บริษัทและคณะกรรมการอาจถูกดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา 3.การมีปัญหาในการจัดจ้างบริษัทคู่สัญญาในการดำเนินการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( EIA) และ4.ถูกธนาคารและเจ้าหนี้ ส่งหนังสือทวงถามการชำระหนี้และการผิดเงื่อนไขหลายประการ
“จากความผิดปกติดังกล่าว คณะกรรมการจึงมีมติให้ปรับย้ายตำแหน่งของผู้บริหารรายนี้ไปเป็นที่ปรึกษาของกรรมการบริษัทเป็นการชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที พร้อมทั้งเห็นควรว่าต้องเปิดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการ ไม่ให้เป็นปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการต่อไป”นายวิชัย กล่าว
นายศุภนันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ยังเป็นกรรมการบริษัท อำนาจกรรมการในการลงนามของบริษัทต้องใช้กรรมการลงลายมือชื่อจำนวน 2 ใน 3 คนมาโดยตลอด แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการโดยกำหนดให้ผู้บริหารI WIND คนดังกล่าวเป็นตัวยืนในการลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอีกหนึ่งคน ทั้งที่ผู้บริหารคนดังกล่าวถือหุ้นน้อยกว่าบริษัท IFEC ฉะนั้นเพื่อความเป็นธรรมและการรักษาผลประโยชน์อันสูงสุดของบริษัท ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นสำคัญ
Comments are closed.