ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวศรีสะเกษ ข่าวเด่น

เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ เสวนาทิศทางการศึกษาของจังหวัดศรีสะเกษ

29 มกราคม 2568 ที่ห้องประชุมวิชัย แข่งขัน อาคารศรีพุทธาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ นายทิวา รุ้งแก้ว เลขาธิการเครือข่ายชุมชนคนศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดเสวนาทิศทางการศึกษาของจังหวัดศรีสะเกษ โดยมีข้าราชการครูและประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก และได้รับการสนับสนุนวิทยากรผู้ทรงคุณค่าจาก รศ.ดร. เอมอร แสนภูวา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ นายวิสัย เขตสกุล เลขาธิการสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย นายอมรโชคศิริ อมตะสายแก้ว ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ โรงเรียนบ้านละเอาะ สพป.ศก.เขต1 นายพยับ เติมใจ กรรมการชมรม อสม. แห่งประเทศไทย ประธาน อสม.จังหวัดศรีสะเกษ นายสุพล ดวงสูง อดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ เขตอำเภอวังหิน และดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.เชิดศักดิ์ ฉายถวิล รองผู้อำนวยการสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ


นายทิวา รุ้งแก้ว เลขาธิการเครือข่ายชุมชนคนศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนเองนั้นเป็นครูมืออาชีพ บรรจุราชการครั้งแรกได้รับเงินเดือน 940 บาทกว่าจะได้รับเงินเดือนต้องรอตกเบิก 11 เดือน ในช่วงนี้ตนเองต้องดำรงชีพอยู่ด้วยการยืมเงินร้อยละ 10 บาท ต่อเดือน เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้ ดังนั้นครูกับปัญหาหนี้สินจึงมีตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตครู ปัจจุบันตนเองเกษียณอายุราชการแล้ว ความเป็นหนี้ก็ยังคงอยู่ ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษ ดังนั้นความเป็นหนี้สินกับชีวิตครูจึงมีความผูกพันกับชีวิตครูตลอดไป จากกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีได้มาหาเสียงที่จังหวัดศรีสะเกษแล้วได้กล่าวว่า “วันนี้สิ่งที่ห่วงที่สุดคือการศึกษาของเด็กไทย ระบบการศึกษาเราทำให้เด็กพัฒนาตัวเองในเรื่องของความคิดได้น้อย ก็คงต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยและต้องใช้วิธีเรียนลัดในหลายเรื่อง ถ้าเราเก็บภาษีพนันออนไลน์ได้มีเงินพอเราจะจ้างครูจากต่างประเทศมาช่วยสอน จะเอาพนันออนไลน์ขึ้นมาอยู่บนดินแล้วเก็บภาษี และเอาเงินที่ได้จากภาษีพวกนี้ไปจ้างครูต่างประเทศมาสอนเด็กไทย ทุกวันนี้ลูกหลานผมไม่เรียนโรงเรียนในไทยแล้ว ไปเรียนอินเตอร์กันหมด การศึกษาของไทยนั้นมีปัญหาเพราะครูมีปัญหาเรื่องหนี้สิน, ปัญหาครอบครัว ปัญหาทำเอกสารเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง จากปัญหาดังกล่าวครูจึงไม่มีเวลาทำการสอนอย่างเต็มที่” จากคำพูดดังกล่าว เครือข่ายชุมชนคนศรีสะเกษ จึงได้จัดการเสวนาว่าที่จังหวัดศรีสะเกษมีปัญหาเหมือนที่อดีตนายฯ กล่าวหรือไม่ ถ้าเป็นตามนั้นเราจะหาทางแก้ไขอย่างไร จึงได้เชิญทุกท่านมาร่วมเสวนาในวันนี้

ในการเสวนาครั้งนี้ ทุกฝ่ายต่างมีความเห็นตรงกันว่า การจ้างครูต่างชาติมาสอนก็ทำได้แต่ชาวต่างชาติไม่เข้าใจวิถี๊ชีวิต วัฒนธรรม รากเหง้า ของสังคมไทย เพราะคนไทยยังมีความคิดว่าครูคือต้นแบบที่ดีของนักเรียน เป็นดัวอย่างที่ดี ตามคำกล่าวที่ “ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน” แม้แต่ตัวผู้กล่าวด้อยค่าของครูก็ได้รับการบ่มเพาะจากครูมาก่อน ทุกอาชีพต้องมึครูด้วยกันทั้งนั้น และสุดท้ายที่ประชุมสรุปตรงกันว่าคนที่ดูถูกเหยียดหยามครูมักจะไม่เจริญ ในขณะที่อดีตนายกฯ เคนดำรงตำแหน่ง รมต.กระทรวงศึกษาธิการ และนายกรัฐมนตรีมาก่อน เคยมีนโยบายที่จะแก้ปัญหาหนี้สินครูแต่ก็ทำไม่ได้ รัฐบาลทุกรัฐบาลก็มีนโยบายที่จะแก้ปัญหาหนี้สินครูแต่ก็ทำไม่ได้เช่นกัน ในการที่อดีตนายกฯจะเอารายได้จากภาษีบาปมาจ้างครูต่างชาติที่ประชุมเสวนาก็ไม่เห็นด้วย


สำหรับปัญหาที่ว่าครูเอาเวลาราชการไปทำผลงานที่วิชาการเพื่อความก้าวหน้าของตนเองนั้น ดร.อมรโชคสิริ กล่าวว่า ปราชย์นิรนามได้บอกว่า “อย่างบ่นว่างานหนัก ถ้ารักอาชีพครู” ตนเองทำผลงานทางวิชาการจนได้วิทยฐานะเป็นผู้อำนวยการเชี่ยวชาญนั้น ตนมีครูพียง 5 คน ได้ให้ครูสอนอย่างเต็มที่ ไม่ให้ครูเอาเวลามาช่วยตนทำผลงานตามคำกล่าวของอดีตนายกรัฐมนตรี
ในการเสวนาครั้งนี้ได้มีครูธุรการของทุกเขตได้มาร่วมเสวนาด้วย ได้สะท้อนปัญหาว่า พวกตนเป็นครูธุรการรุ่นแรกเพื่อ ปี 2552 เงินเดือน 4,000 บาท ต่อมารัฐบาลปรับตามวุฒิให้ได้รับเงินเดือน 15,000 บาท และยังให้สิทธิ์ได้สอบครูผู้ช่วยเป็นกรณีพิเศษ แต่รัฐบาลชุดนี้ได้ปรับแก้ระเบียบให้เป็นพนักงานจ้างเหมาเดือนๆละ 9,000 บาท จึงไม่มีสิทธิ์ไปสอบครูผู้ช่วย บางคนวิ่งรอกไปทำงานธุรการตั้ง 3-4 โรงเรียน จึงขอวอนให้ ฯพณฯ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตั้งฉายาให้ตัวเองว่า สทร. “เสือกทุกเรื่อง” ได้ออกมาช่วยพวกตนด้วย

บุญทัน ธุศรีวรรณ รายงาน