ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน แถลงกรณีทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน เบื้องต้นพบผู้กระทำผิด 4 ราย
ส่วนสมาชิกกว่า 80 ราย ที่ปฏิเสธหนี้ที่ถูกสวมสิทธิ์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพื่อถอดหนี้ และปรับสถานะให้แก่สมาชิกที่ถูกสวมสิทธิ์ ตามแนวทางและวิธีการของสํานักงานตรวจบัญชีสหกรณ์กำหนด
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 66 เวลา 11.00 น. ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ตํารวจภูธรจังหวัดลําพูน ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พลตำรวจตรี บุณยวัต เกิดกล่ำ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ในฐานะประธานกรรมการสหกรณ์ตำรวจลำพูน ชุดที่ 47 พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ยุทธนา แก่นจันทร์ ที่ปรึกษาฯ และ พันตำรวจเอก พชรพล วงศ์รจิต รองประธานกรรมการฯ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน
พล.ต.ต บุณยวัตฯ เปิดเผยว่า ตามที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่าพบการทุจริตของเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ทำให้สหกรณ์ฯ ได้รับเสียหายจำนวนมากนั้น สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ดังนี้ผู้แทนสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ลำพูน ได้นำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออม ทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ว่ามีสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จำกัด ท่านหนึ่ง ได้เข้า ตรวจสอบรายการเคลื่อนไหวทางการเงินของตน ในแอพพลิเคชั่น Smart Member พบว่าวันที่ 23 กันยายน 2565 มีรายการกู้เงินฉุกเฉิน จำนวน -100,000.00-บาท โดยที่ตนเองยืนยันว่าไม่ได้ทำสัญญากู้เงินดังกล่าว และคณะกรรมการ ดำเนินการฯ ยังได้รับทราบข้อมูลในทำนองเดียวกันจากสมาชิกสหกรณ์ฯ อีกจํานวนหลายราย
1. จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีเจ้าหน้าที่สหกรณ์ จำนวน 3 ราย(สินเชื่อ 2 ราย, การเงิน 1 ราย) ร่วมกันกระทำความผิดทางอาญา ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง ปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ ปลอม จึงมีคำสั่ง “ไล่ออกและไม่จ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จ” เจ้าหน้าที่ ทั้ง 3 ราย ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2566เป็นต้นไป ต่อมาคณะกรรมการได้ตรวจสอบพบว่า ผู้จัดการสหกรณ์ฯ มีข้อบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ จึงมีคำสั่ง “ไล่ออกและไม่จ่ายค่าชดเชยและเงินบำเหน็จ” ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ ยังไม่ปรากฏว่ามี คณะกรรมการมีส่วนร่วมกระทำผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่จะบกพร่องต่อหน้าที่ หรือประมาทเลินเล่อหรือไม่ อยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงการตรวจสอบผู้ตรวจสอบกิจการ และผู้สอบบัญชี ตลอดห้วงเกิดเหตุ โดย ณ ขณะนี้ได้ตรวจสอบลงโทษฝ่ายจัดการ ไล่ออก) ไปแล้วทั้งสิ้น 4 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มเติม กับเจ้าหน้าที่ (บัญชี) อีก 1 ราย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหา/สอบสวนลงโทษ
2. ได้แจ้งความดำเนินคดี ณ สถานีตำรวจภูธรนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดลำพูน คดีอาญาเลขที่ 126/2566 ลง 31 มกราคม 2566 ข้อหา “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม” และสรุปสํานวนฯ นําส่งอัยการจังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ต่อมาวันที่ 29 มีนาคม อัยการจังหวัดลำพูน ส่งคืนสำนวนการสอบสวนฯ เพื่อให้พนักงาน สอบสวน ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมแล้วสรุปสํานวนเสนออีกครั้ง
3. ได้ส่งหนังสือยืนยันยอดหนี้ให้สมาชิก จำนวน 840 ราย และให้สมาชิกตอบกลับยืนยัน/ปฏิเสธ โดยร่วม – ตรวจสอบข้อมูลกับ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ลำพูน และสำนักงานสอบบัญชีนครพิงค์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง กระบวนการตรวจสอบยอดความเสียหาย และจะได้ทำการถอดหนี้และปรับสถานะให้แก่สมาชิกที่ถูกสวมสิทธิ์ ตามแนวทางและวิธีการของสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ต่อไป
4. ได้ทําการตรวจยึดทรัพย์ที่คาดว่าได้มาจากการกระทําความผิดจํานวนหลายรายการ และได้ทําการ ประมูลทรัพย์สินครั้งที่ 1 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม และจะทำการประมูลทรัพย์สินที่เหลือในคราวต่อไป
5. ค่าความเสียหายที่ปรากฏพอชัดแล้ว คณะกรรมการดำเนินการ ได้หารือกับสหกรณ์จังหวัดลำพูน สำนักงานตรวจบัญชีลำพูน สำนักงานสอบบัญชีนครพิงค์ แจ้งว่า ไม่สามารถจัดให้มีปันผลประจำปี 2566 ได้ เนื่องจากผลการดำเนินการ เมื่อหักลบกับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (208 ล้านบาท) ทำให้ไม่มีกำไรสำหรับปีบัญชี 2566 มาปันผลให้แก่สมาชิกได้ รวมทั้งได้เชิญผู้แทน สหกรณ์จังหวัดลำพูน สำนักงานตรวจบัญชีลำพูน สำนักงานสอบ บัญชีนครพิงค์ มาชี้แจงแนวทางแก่ผู้แทนสมาชิกที่เคยยื่นหนังสือร้องเรียน เมื่อวันพุธที่ 20 กันยายน และให้คำชี้แจง แก่คณะกรรมการดำเนินการแล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน และวันที่ 26 กันยายน ยืนยันว่าไม่สามารถจัดให้มีปันผล ให้กับสมาชิกได้ แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการดำเนินการได้หาแนวทางเยียวยาให้สมาชิก อยู่ระหว่างศึกษาความ เป็นไปได้
6. การดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขของสหกรณ์ฯ ได้ร่วมกับผู้แทนสำนักงานสหกรณ์จังหวัดลำพูน สำนักงานตรวจบัญชีลำพูน ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ฯ ผู้สอบบัญชีจากสำนักงานสอบบัญชีนครพิงค์ และ – คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาหาแนวทาง เพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวตลอดมาจนถึงปัจจุบัน..พลตำรวจตรี บุณยวัตฯ เปิดเผยในที่สุด.