พิธีเปิดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2561 ภายใต้ธีมงาน “Culture of Prevention for Safety Thailand” รวมทั้งมอบรางวัลแก่สถานประกอบกิจการฯ ณ โรงแรมดวงตะวันเชียงใหม่
วันพุธที่ 29 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00 น. ที่ โรงแรมดวงตะวันเชียงใหม่ นางจุฑาพนิต บุญดีกุล รองผู้อํานวยการสถาบันส่ง เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานฯ โดยมีนายพินิจ เชื้อวงษ์ นักส่งเสริมความปลอดภัยชำนาญการพิเศษ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ งานความปลอดภัยและ อาชีวอนามัยภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2561 ภายใต้ธีมงาน “Culture of Prevention for Safety Thailand” รวมทั้งมอบ รางวัลแก่สถานประกอบกิจการฯ ณ โรงแรม ดวงตะวันเชียงใหม่ นางจุฑาพนิต บุญดีกุล เผยว่าการจัดงานความปลอดภัย และอาชีวอนามัยภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2561 เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ซึ่งมีการ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกปี และเป็น ภารกิจที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งมอบให้สถาบันส่งเสริม ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ ภายใต้ชื่องาน “ความปลอดภัยและ อาชีวอนามัยแห่งชาติ (Thailand Safe@Work)” ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา
การจัดงานครั้งนี้ กำหนดธีมงานว่า “Culture of Prevention for Safety Thailand สร้างสรรค์วัฒนธรรมไทย เชิงป้องกัน สู่ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และความผาสุกที่ยั่งยืน” มุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้และบ่มเพาะพฤติกรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคมแรงงาน โดยได้นำองค์ความรู้ และแนวคิดจากการสัมมนาวิชาการในงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ครั้งที่ 32 ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 – 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซึ่งน่าสนใจและเป็น ประโยชน์เหมาะสมกับภูมิภาคมาขยายผลเผยแพร่ภายในงานนี้
โดยกิจกรรมการจัดงานตลอดทั้ง 2 วัน ประกอบด้วย พิธีมอบรางวัลแก่สถาน ประกอบกิจการในภาคเหนือที่ผ่านเกณฑ์ ได้รับการประกาศเกียรติคุณ ระดับต้น ตามโครงการรณรงค์ลด สถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Campaign) ประจำปี 2561 จำนวน 20 รางวัล,การจัด สัมมนาวิชาการ ซึ่งเน้นการแลกเปลี่ยน องค์ความรู้และเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย เพื่อการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบาย Safety Thailand และสร้างสรรค์ วัฒนธรรมไทยเชิงป้องกัน, การจัดสัมมนาเครือข่ายความปลอดภัย ในหัวข้อ “การมีส่วนร่วมสู่การ พัฒนาเครือข่ายของสสปท.” และ การจัดแสดงนิทรรศการความปลอดภัย จากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน
นางจุฑาพนิต บุญดีกุล กล่าวต่อว่าตามกำหนดการเดิม ท่านพลเอกอภิชาต แสงรุ่งเรือง ประธานกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตั้งใจอย่างยิ่งที่จะมาเป็นประธานและอยู่ร่วมงานกับพวกเรา แต่ด้วยคำแนะนำ จากแพทย์ ขอให้ท่านงดการ เดินทางไกลในช่วงอาทิตย์นี้ เพราะท่านเพิ่งไปรับการสวนหัวใจ และท่านผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ ก็ติดภารกิจสำคัญ ที่กรุงเทพฯ เลยมอบหมายให้ดิฉัน ทำหน้าที่แทน
ก่อนอื่นดิฉันขอแสดงความยินดีกับสถานประกอบกิจการที่ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จและน่าภาคภูมิใจ จากการที่ บุคลากรทุกคนทุกระดับในองค์กรมีส่วนร่วมในการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ จนบรรลุผล สัมฤทธิ์ และคงไม่มีใครปฏิเสธว่า ฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 คือ “แรงงาน” เราต้องช่วยกันยกระดับแรงงานของเราให้เป็นแรงงาน 4.0 ด้วยการสร้าง ระบบการเรียนรู้ ฝึกคนของเราให้มี คุณภาพมีความตระหนักรู้ที่จะดูแล ตนเอง ครอบครัว และสังคมให้มีความ มั่นคงปลอดภัย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยยกระดับแรงงาน คือ การร่วม กันสร้างสรรค์วัฒนธรรมเชิงป้องกัน เพื่อให้คนทำงานทุกคนมีความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยที่ดี นำไปสู่ความ ผาสุกที่ยั่งยืนของทุกคนในสังคม และทุกวันนี้ในเวทีโลก มีการสร้าง กฎกติกาของสังคมวางมาตรฐานเพื่อเป็นตัวควบคุมคุณภาพและเป็นตัวกำหนดว่าอะไรคือสิ่งที่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า และมั่นคงกว่า และนี่คือเหตุผล ที่เราต้องร่วมมือกันสร้างวัฒนธรรมไทยเชิงป้องกันให้เกิดขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ เดี๋ยวนี้ ซึ่งก็คงไม่ง่ายนัก คนไทยมี ลักษณะประจำชาติที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เราเป็นคนคิดบวก สบายๆ ยิ้มได้ทั้งวันและนี่ก็เป็นเหตุ ให้คนต่างชาติรักเมืองไทย อยากมา ท่องเที่ยว มาลงทุน มาทำธุรกิจใน บ้านเรา แต่ก็ต้องมาบาดเจ็บ สูญเสียชีวิตจากความเป็น Thailand Only ด้วยเช่นกัน
นางจุฑาพนิต บุญดีกุล เผยต่อว่า ขอให้ความมั่นใจกับทุกท่านว่า สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มีบทบาท ในการส่งเสริมพัฒนาองค์ความรู้ มาตรฐาน และนวัตกรรม เพื่อการ ป้องกันแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยจากการทำงาน จะทำหน้าที่ภายใต้แนว ทางประชารัฐร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการ สร้างความตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัย และอาชีวอนามัยให้เกิดแก่คน ทำงานในทุกภูมิภาค จนเกิดเป็น วัฒนธรรมความปลอดภัยในสังคมต่อไป.