ข่าวรัฐสภา

คณะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 147 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐแองโกลา เป็นวันที่สอง

คณะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 147 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐแองโกลา เป็นวันที่สอง

วันที่ 24 ตุลาคม 2566 คณะผู้แทนรัฐสภาไทย นำโดย นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย พร้อมด้วยศาสตราจารย์เกียรติคุณไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ สมาชิกวุฒิสภา นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ สมาชิกวุฒิสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายภัณฑิล น่วมเจิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนางสาวตวงทิพย์ จินตะเวช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 147 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (The 147th IPU Assembly and related meetings) ระหว่างวันที่ 23-27 ตุลาคม 2566 ณ อาคารรัฐสภา สาธารณรัฐแองโกลา โดยสรุปภารกิจของคณะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมวันที่สองได้ ดังนี้

1. คณะผู้แทนรัฐสภาไทยเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีบริหารสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 212 (The 212nd Session of the Governing Council) ในเวลา 09.00 -11.00 นาฬิกา โดยมี Mr. Duarte Pacheco ประธานสหภาพรัฐสภา และ Mr. Martin Chungong เลขาธิการสหภาพรัฐสภาทำหน้าที่ประธานการประชุมและเลขานุการการประชุมตามลำดับ โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบวาระการประชุม ได้แก่ รับทราบรายงานการดำเนินงานของประธานสหภาพรัฐสภาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รายงานสถานการณ์ด้านการเงินและการคลังของ IPU ประจำปี 2566 และการจัดทำงบแผนประมาณสำหรับปี 2567 ตลอดจน รับฟังการรายงานการดำเนินการของประเทศสมาชิกในการปฏิบัติตามข้อมมติ หรือข้อวินิจฉัยต่าง ๆ ที่ผ่านมาของ IPU นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบให้ Hon. Ms. Carolina Cerqueira ประธานรัฐสภาแองโกลา ในฐานะประเทศเจ้าภาพทำหน้าที่ประธานสมัชชาครั้งที่ 147 ด้วยมติเป็นเอกฉันท์

ต่อมาเมื่อเวลา 11:00 นาฬิกา ที่ประชุมได้เริ่มเข้าสู่การประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (Assembly) เป็นวันแรก โดยมี Hon. Ms. Carolina Cerqueira ปฏิบัติหน้าที่ประธานในการประชุม ตามที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมคณะมนตรีบริหารโดยที่ประชุมได้รับฟังการกล่าวถ้อยแถลงของหัวหน้าคณะผู้แทนระดับประธานรัฐสภา/ประธานสภา (high-level segment) ซึ่งได้รับการจัดสรรเวลาสำหรับกล่าวถ้อยแถลงประเทศละ 6 นาที ภายใต้หัวข้อหลักของการประชุมสมัชชาในครั้งนี้ คือ “Parliamentary actions for peace, justice and strong institutions (SDG16)” พร้อมทั้ง ได้มีการเปิดตัวคู่มือตัวชี้วัด Indicators for Democratic Parliaments ฉบับที่จัดทำล่าสุดโดย IPU เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ใหม่สำหรับประเมินประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐสภาและสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาทั่วโลกด้วย

จากนั้นในเวลา 17.00 นาฬิกา ที่ประชุมสมัชชาได้เข้าสู่วาระการพิจารณาข้อเสนอหัวข้อเพื่อพิจารณาลงมติบรรจุเป็นระเบียบวาระเร่งด่วน (emergency items) โดยประเทศสมาชิกได้เสนอเข้ามาทั้งหมดรวม 4 รายการ ซึ่งต่อมาในภายหลังได้ผนวกรวมเข้ากับร่างข้อมติอื่น หรือถอนการเสนอออกไป จนเหลือเพียง 2 ข้อเสนอ ที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบในอิสราเอลและฉนวนกาซา เสนอโดยกลุ่มภูมิรัฐศาสตร์ Twelve Plus และกลุ่มอาหรับ โดยคณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้ร่วมกับประเทศสมาชิกในการลงมติเพื่อเลือกหัวข้อระเบียบวาระเร่งด่วน ผลปรากฎว่าไม่มีข้อเสนอของฝ่ายใดได้รับคะแนนเสียงผ่านเกณฑ์สองในสามของคะแนนเห็นชอบกับคะแนนไม่เห็นชอบรวมกัน ตามข้อบังคับของ IPU จึงทำให้ข้อเสนอทั้งสองเป็นอันตกไป และการประชุมสมัชชาในครั้งนี้จะไม่มีการพิจารณาร่างข้อมติวาระเร่งด่วน

2. นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะสมาชิกคณะที่ปรึกษาระดับสูงว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง (High-Level Advisory Group on Countering Terrorism and Violent Extremism : HLAG-CTVE) ของสหภาพรัฐสภา เข้าร่วมการประชุม HLAG-CTVE ครั้งที่ 15 โดยที่ประชุมได้พิจารณาระเบียบวาระที่สำคัญ ได้แก่ ข้อเรียกร้องต่อปัญหาการก่อการร้ายในอนุภูมิภาคซาเฮล (Call of the Sahel) และผลที่คาดว่าจะได้รับจากการประชุม Global Parliamentary Summit on Counter Terrorism and Vilolent Extremism ครั้งที่ 2

3. นายภัณฑิล น่วมเจิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน มีวาระสำคัญ ได้แก่การพิจารณาปรับปรุงแก้ไข และรับรองร่างข้อมติหัวข้อ Orphanage trafficking : The role of parliaments in reducing harms ซึ่งมีคำขอแก้ไขร่างข้อมติรวมทั้งสิ้น 194 ประเด็น จาก 36 ประเทศ โดยผู้แทนรัฐสภาไทยสามารถผลักดันข้อเสนอของไทยในการแก้ไขร่างข้อมติดังกล่าวจำนวน 26 ประเด็น ให้ผ่านการเห็นชอบของที่ประชุมได้สำเร็จเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นการจัดทำฐานข้อมูลของประเทศ การสนับสนุนด้านงบประมาณ และบทบาทของสมาชิกรัฐสภาในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและครอบครัวเพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์และการละเมิดสิทธิของเด็กในบริบทของการแสวงหาประโยชน์จากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าในบริบทของการท่องเที่ยวเชิงจิตอาสา ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ จะมีการพิจารณารับรองร่างข้อมติฉบับดังกล่าวอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ วันที่ 26 ตุลาคม 2566

4. ศาสตราจารย์เกียรติคุณไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะสมาชิกคณะที่ปรึกษาของสหภาพรัฐสภาว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เข้าร่วมการประชุมคณะที่ปรึกษาฯ (วาระที่ 1) โดยที่ประชุมได้อภิปรายเกี่ยวกับผลลัพธ์ของกิจกรรมที่ผ่านมาของคณะทำงานฯ และแผนกิจกรรมในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่เสนอโดยประธานคณะทำงานฯ ว่าด้วยการส่งเสริมการเชื่อมโยงชุมชนวิทยาศาสตร์กับงานรัฐสภา ในโอกาสดังกล่าว ศาสตราจารย์เกียรติคุณไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ได้ร่วมอภิปรายนำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีของไทยในการจัดทำเอกสารสนับสนุนประเภท policy brief ในประเด็นด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะด้าน เพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึกโดยสรุปให้แก่สมาชิกรัฐสภาไทยใช้ประกอบการตัดสินใจในกิจการงานนิติบัญญัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากนั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อ “The role of parliaments in securing effective public spending for children’s rights” ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) และสหภาพรัฐสภา (IPU) ซึ่งเป็นกิจกรรมข้างเคียง (side-event) เพื่อรณรงค์ให้สมาชิกรัฐสภาได้ตระหนักรู้ถึงความจำเป็นในการจัดทำงบประมาณเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็ก พร้อทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีจากประเทศสมาชิกทั่วโลก

5. นางสาวตวงทิพย์ จินตะเวช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และร่วมอภิปรายในหัวข้อ “Inventory of tools for MPs to engage in dialogue, legislation, oversight and prevention in the pursuit of peace” โดยได้นำเสนอต่อที่ประชุมว่าไทยสนับสนุนนวัตกรรม และเครื่องมือของ IPU ที่พัฒนาสืบเนื่องมาจากข้อมติของ IPU ว่าด้วยแนวทางและกลไกส่งเสริมกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืนของคณะกรรมาธิการฯ ในโอกาสการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 144 เมื่อเดือนมีนาคม 2565 อันจะช่วยขับเคลื่อนกระบวนการสันติภาพโดยความร่วมมือที่กว้างขวางและลึกซึ้ง ผ่านบทบาทของรัฐสภาด้านการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินที่เข้มแข็งเพื่อเปลี่ยนแปลงแนวคิดด้านสันติภาพจากข้อมติดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติจริง

6. นางสาวตวงทิพย์ จินตะเวช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการประชุมยุวสมาชิกรัฐสภา (Forum of Young Parliamentarians) โดยได้ร่วมอภิปรายต่อที่ประชุมในวาระ “Update s on youth participation” โดยได้รายงานให้ที่ประชุมได้รับทราบถึงพัฒนาการและความก้าวหน้าล่าสุดของไทย ว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมาของไทย มีคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปีได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาผู้แทนราษฏร ในจำนวนสูงถึง 210 คน คิดเป็นร้อยละ 42 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรทั้งหมด ซึ่งสูงว่าค่าเฉลี่ยในระดับโลกที่ร้อยละ 31.6 อีกทั้ง ยุวสมาชิกรัฐสภายังได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญในสภาผู้แทนราษฎรถึง 9 คน โดยไทยเชื่อมั่นว่ายุวสมาชิกรัฐสภาไทยจำนวนมากนี้ จะสะท้อนเสียงและความต้องการของเยาวชน รวมทั้งประกันสิทธิและแก้ไขปัญหาให้แก่คนรุ่นใหม่ได้

7. คณะผู้แทนรัฐสภาไทยพบปะหารือทวิภาคีกับ คณะผู้แทนรัฐสภายูเครน นำโดย Mr. Oleksandr Korniyenko รองประธานรัฐสภายูเครน โดยฝ่ายยูเครนได้แสดงความขอบคุณประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคอาเซียน ที่ได้สนับสนุนข้อมติของสหประชาชาติว่าด้วยการสู้รบในยูเครนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่รัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยได้มอบให้แก่ประชาชนชาวยูเครนที่เผชิญกับความยากลำบากในภาวะสงคราม โดยยูเครนในฐานะประเทศผู้สังเกตการณ์ของ AIPA หวังว่ากลไกกลุ่มมิตรภาพระหว่างไทยกับยูเครนจะได้กลับมาดำเนินกิจกรรมได้ตามปกติในเร็ววัน พร้อมทั้งขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาสนับสนุนข้อเสนอแผนสันติภาพ 10 ข้อของประธานาธิบดี Zelensky ด้วย

ทางด้านฝ่ายไทยย้ำถึงแนวทางการต่างประเทศของไทยที่ยึดมั่นในแนวทางการไม่เผชิญหน้าและการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย รวมถึงระบบพหุภาคีที่วางอยู่บนกฎกติการะหว่างประเทศที่ยอมรับร่วมกันโดยเฉพาะหลักการภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติมาโดยตลอด รวมถึงวางอยู่บนสมดุลระหว่างผลประโยชน์แห่งชาติและพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย นอกจากนี้ ไทยยังสนับสนุนความริเริ่มของ IPU ในการจัดตั้ง special task force on Ukraine และผลการทำงานในปีที่ผ่านมาที่ได้พยายามสานเสวนาระหว่างทั้งสองฝ่ายผ่านการทูตรัฐสภา เพื่อแสวงหาหนทางคลี่คลายความขัดแย้งโดยสันติวิธี ทั้งนี้ รัฐสภาไทยจะใช้อำนาจนิติบัญญัติกำกับตรวจสอบการดำเนินการต่างประเทศของฝ่ายบริหาร เพื่อให้แนวทางการลงมติของในสหประชาชาติของไทยมีความเสมอต้นเสมอปลายและวางอยู่บนหลักการอันชอบด้วยกฎหมายและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ

ภาพ/ข่าว ฤทธิรณ ปัญญากาบ ทีมข่าวไทยเกอร์นิวส์ รัฐสภา รายงาน