ผู้ว่าฯมุกดาหารนำคณะฯร่วมนิทรรศการเมืองอัจฉริยะ 2024 (Smart City Summit & Expo – SCSE 2024) มีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคม 2567 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นำคณะร่วม งานประชุมสัมมนาทางวิชาการและนิทรรศการเมืองอัจฉริยะ 2024 ครั้งที่ 11 หรือ Smart City Summit & Expo 2024 เป็นหนึ่งในมหกรรมงานส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 40 ประเทศทั่วโลกรวมถึงหน่วยงานองค์กรต่างๆ ในประเทศไทย ณ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหลักสองแห่งในไทเปและเกาสง มีผู้ร่วมออกบูธ ทั้งหมดกว่า 600 ราย ทำให้มหกรรมนี้มีจำนวนบูธถึง 2,200 บูธ และมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2,000 คน จาก 112 เมืองใน 46 ประเทศทั่วโลก
หลินเจียหลง เลขาธิการทำเนียบประธานาธิบดี ตัวแทนจากรัฐบาลไต้หวัน กล่าวว่า “รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างไต้หวันให้เป็นเกาะแห่งเทคโนโลยี ปัจจุบันอุตสาหกรรมสารสนเทศและการสื่อสารได้พัฒนาโซลูชั่นที่หลากหลาย ซึ่งถือเป็นช่วงที่ดีในการร่วมมือกับนานาชาติในด้านเมืองอัจฉริยะและเมืองคาร์บอนสุทธิศูนย์” งาน Smart City Summit & Expo – SCSE 2024 ในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission), การประยุกต์ใช้ AI และ 5G นอกจากนี้ ผู้ร่วมจัดงานอย่างสภาพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (NDC) และรัฐบาลเมืองเกาสง ยังได้จัดงานประชุมสุดยอดผู้นำเมือง “Net Zero City Expo” และ “City COP Summit” อีกด้วย
ด้านนายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่าจากการไปร่วมงานครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงความร่วมมือจากทั่วโลก และ “ Smart City” เป็นการทำให้เมืองมีความน่าอยู่เพื่อส่งผลต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งมีองค์รวมในหลายมิติเพื่อสร้างความสมดุลย์ “วันนี้สังคมโลกได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลย์หมายถึงว่าเรามีทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเราจะดำเนินชีวิตโดยการใช้ทรัพยากรต่างๆที่มีให้มีความสมดุลย์ได้อย่างไร วันนี้เราสะดวกสบายแต่ว่า ความสะดวกสบายของเราทำลายสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทั้งอากาศ น้ำมลพิษต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากความสะดวกสบายของมนุษย์ ซึ่งส่งผลต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมทำให้โลกขาดความสมดุลย์เกิดภาวะโลกร้อน เกิดก๊าซเรือนกระจกทำให้อุณหภูมิของโลกเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต การที่จะทำให้โลกกลับมาสมดุลเหมือนเดิมเราต้องทำให้สิ่งที่เป็นมลภาวะต่างๆให้กลับคืนสู่สภาวะที่สมดุลหรือภาวะปกติให้มากที่สุด กลับไปอยู่ยังจุดเดิม คือ Net Zero จังหวัดมุกดาหารเองก็ได้รณรงค์เรื่องการคัดแยกขยะ กระบวนการรีไซเคิล ลดการใช้ทรัพยาการ เพิ่มพื้นที่สีเขียว การลดมลภาวะ ลดการเผาในพื้นที่การเกษตร ซึ่งจะช่วยทำให้ชั้นบรรยากาศกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ซึ่งจะส่งผลในอนาคตที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ นอกจากนี้ยังได้เห็นการจัดการเมืองในการจัดพื้นที่สาธารณะให้คนทุกช่วงวัยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกสบายในทุกพื้นที่
เมือง“เกาสง”เป็นเมืองทางตอนใต้ของไต้หวัน เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองอุตสาหกรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในไต้หวัน มีความปรารถนาที่จะปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนจากเมืองอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมมาเป็นเมืองอัจฉริยะแห่งใหม่ SCSE ที่ความสามารถของเมืองพร้อมที่จะรองรับเทคโนโลยีด้าน IoT โดยปัจจุบันก็ได้รับความสนใจจากผู้นำด้านไอทีหลายราย ที่พร้อมจะมาลงทุนในเมืองเกาสงแห่งนี้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้สัมผัสกับเทคโนโลยี และสร้างความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นในแบบยั่งยืนด้วย
ด้านนางอัญชลี กัลมาพิจิตร ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมุกดาหารกล่าวว่า การคัดแยกขยะของประเทศไต้หวันมีการบริหารจัดการเป็นระบบ ผู้คนมีวินัยและ เป็นต้นแบบในการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี
การประชุมสูงสุดด้านเมืองอัจฉริยะไต้หวัน (Smart City Expo and Summit 2024) เป็นงานสำคัญประจำปี ของไต้หวันที่จัดขึ้นเพื่อรวบรวมผู้เชี่ยวชาญและผู้นำอุตสาหกรรมจากทั่วโลกในการแลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิด และนวัตกรรมใหม่ ๆ ในด้านเมืองอัจฉริยะ นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจในการพัฒนาเมืองให้เป็นมิตรกับเทคโนโลยี
ผู้เข้าร่วมงานจากประเทศไทยในครั้งนี้นับว่าเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก อาทิ ดร.ศุภกร สิทธิชัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) วิทยากรหลักงาน Taiwan-Thailand Smart City Forum, นพ.อัครพล คุรุศาสตราผู้ช่วยอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร วิทยากรหลักงาน Taiwan-Thailand Smart Healthcare Forum และสิทธิเดช ไผ่ตระกูลพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเทคโนโลยี บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) วิทยากรหลักงาน Smart Transportation Forum นอกจากนี้ ยังมีคณะผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทและหน่วยงานด้านเมืองอัจฉริยะและการแพทย์อัจฉริยะของประเทศไทยเข้าร่วมด้วย.