เลขา ป.ป.ส. แถลงผลการปฏิบัติ นบ.ยส.35 ห้วง 1 เดือนที่ผ่านมา ยึดยาบ้ากว่า 13 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์กว่า 41 ล้านบาท พร้อมมอบทุนประกอบอาชีพให้แก่ผู้ผ่านการบำบัดอีก 5 ราย
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ณ โถงอาคารเก็บรักษาทรัพย์สิน สำนักงาน ปปส. ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานในการแถลงผลการปฏิบัติของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 พร้อมด้วย พล.ท.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3/ผอ.ศอ.ปส.ชน. ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ.ปปส. ภาค 5 และนายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมแถลงผลการปฏิบัติ ของ นบ.ยส.35 ในห้วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา
รัฐบาลโดยการนำของท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน มีเจตนารมณ์ที่จะลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ภายใน 1 ปี ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” เพื่อลดปัญหาผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น ส่วน “ผู้ผลิตและผู้ค้า คือ ผู้ที่ต้องได้รับโทษ ตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมายอย่างจริงจัง” รวมทั้งดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สิน เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด พร้อมเจรจาทางการทูตกับประเทศตามแนวชายแดน ถึงมาตรการควบคุมการลักลอบนำเข้ายาเสพติดข้ามประเทศ และดึงผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เน้นย้ำว่ายาเสพติดเป็นปัญหาที่ต้องรีบเร่งแก้ไขให้ลดน้อยลง จึงมีข้อสั่งการให้สำนักงาน ป.ป.ส.และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำนโยบายของรัฐบาล ไปขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้ประมวลกฎหมายยาเสพติดและกฎหมายอื่นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
พล.ท.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวว่า ในห้วง 1 เดือนที่ผ่านมา นบ.ยส.35 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 48 ราย กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 18 ศพ ตรวจยึดยาบ้าได้มากกว่า 13 ล้านเม็ด เฮโรอีน 800 กรัม และอายัดทรัพย์สิน รวมมูลค่ากว่า 41 ล้านบาท โดยแยกเป็นการดำเนินงานในแต่ละด้าน ดังนี้
ด้านการอำนวยการ ได้มีการจัดประชุมชี้แจงนโยบายและแนวทางปฏิบัติร่วมกันให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ นบ.ยส.35 ทั้งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย
ด้านการสกัดกั้น สามารถสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน จำนวน 5 เหตุการณ์สำคัญ โดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด 4 ครั้ง ในพื้นที่ชายแดนของ อำเภอเชียงดาว ฝาง แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย สามารถตรวจยึด ยาบ้า รวม 4.9 ล้านเม็ดเศษ เฮโรอีน 800 กรัม และกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเสียชีวิต รวม 18 ศพ
ด้านปราบปรามและขยายผล สามารถขยายผลในพื้นที่อำเภอชายแดนและพื้นที่ตอนใน จำนวน 7 เหตุการณ์ ตรวจยึดยาบ้า กว่า 8.3 ล้านเม็ด และปิดล้อมตรวจค้น/ขยายผลยึดทรัพย์ รวมมูลค่า 41.6 ล้านบาท
ด้านการป้องกัน ได้ดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตลอดจนลาดตระเวนภายในหมู่บ้านในพื้นที่ชายแดน ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของ ชรบ. และจัดตั้งชุดปฏิบัติการด้านการข่าว
ทั้งนี้ นบ.ยส.35 จะดำเนินการสกัดกั้น แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาล ให้ปัญหายาเสพติดลดลงได้มากที่สุด จนไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย และนำความปลอดภัยมาสู่พี่น้องประชาชน โดยการปฏิบัติในห้วงต่อไป นบ.ยส.35 จะได้การเปิดยุทธการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ห้วงเทศกาลปีใหม่ การประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหายาเสพติด การประชุมเชิงปฏิบัติการถึงระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ วิทยาลัยป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดระหว่างประเทศ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (11 – 12 ม.ค. 67) การตรวจเยี่ยม ทำความเข้าใจ สถานประกอบกิจการ Logistics การปิดล้อมตรวจค้นนักค้ารายย่อยในพื้นที่เป้าหมาย ร่วมทั้ง ขับเคลื่อนชุดปฏิบัติการข่าว และแหล่งข่าวบุคคล
ด้าน พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวชื่นชมการทำงานของ นบ.ยส.35 ตลอดห้วงระยะเวลา 1 เดือน ว่า ดำเนินการได้อย่างเข้มข้น รวดเร็ว และเป็นที่ประจักษ์ โดยเชื่อว่า หากเจ้าหน้าที่ยังคงมีความเข้มแข็งและจริงจังต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
จากนั้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มอบทุนประกอบอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด เพื่อคืนคนดีสู่สังคม และมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน ตามโครงการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย ทุนประกอบอาชีพรับจ้างตัดหญ้าและตัดแต่งสวน จำนวน 4 ทุน และทุนประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ จำนวน 1 ทุน จากผู้ผ่านการบำบัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พร้อมให้กำลังใจให้ไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก
พล.ท.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวเสริมอีกว่า ในส่วนสถานการณ์ยาเสพติด พื้นที่ภาคเหนือตอนบนเข้าฤดูหนาว และเทศกาลปีใหม่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวนอกพื้นที่เดินทางเข้าพื้นที่จำนวนมาก ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ ที่ออกไปประกอบอาชีพนอกพื้นที่ เดินทางกลับมาภูมิลำเนาในการเยี่ยมเคลือญาติเป็นจำนวนจำนวนมาก
ทำให้กลุ่มขบวนการฯ อาจใช้ห่วงดังกล่าวทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เพื่อปะปนแอบแฝงในการลำเลียงออกนอกพื้นที่ อาศัยการจารจรที่คับคั่งหนาแนนบนท้องถนน ทำให้ด่านตรวจ/สกัดกั้น และจุดบริการประชาชน มีการอำนวยความสะดวกที่รวดเร็ว ไม่ให้เกิดการคับคั่ง
การสกัดกั้นที่ผ่านมา มีการตรวจยึดจับกุมในพื้นที่ชายแดนเป็นจำนวนมาก ทำให้กลุ่มขบวนการต้องใช้ช่วงเวลานี้ ตั้งแต่ก่อนเทศกาลปีใหม่ จนถึงปลายฤดูหนาวพยายามทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศ เพื่อเป็นการชดเชย และทดแทนยาเสพติดที่ถูกทางเจ้าหน้าที่สกัดจับจำนวนมากที่ผ่านมา
ทั้งนี้ข่าวสาร พื้นที่ผลิตยาเสพติดในประเทศ สมม. ฝั่งตรงข้าม จว.เชียงใหม่ และ จว.เชียงราย เตรียมการลักลอบนำเข้าประมาณ 20 ล้านเม็ด และยาไอซ์ประมาณ 50 กก.
พื้นที่เพ็งเล็ง จ.เชียงใหม่ รอยต่อระหว่าง อ.แม่อาย กับอ.แม่จัน จ.เชียงราย เข้าตอนในด้านซ้ายลำน้ำกก ต.แม่ยาว จว.เชียงราย กลุ่มนายวีระ หมื่นจะดา บก.46 (ว้า) Y 1
พื้นที่เพ็งเล็ง จ.เชียงราย รอยต่อ อ.แม่สาย กับ อ.เชียงแสน ข้ามผ่านลำน้ำลวก เข้าตอนในผ่าน อ.แม่จัน และ อ.เมืองเชียงราย กลุ่มนายอาเซอ เยเปียง ท่าขี้เหล็ก(อาข่า) 999
รูปแบบ/แอบแฝงการลำเลียงออกนอกพื้นที่ เพ็งเล็งรถบรรทุกสินค้าการเกษตร/ผลไม้ในฤดูกาล และรถยนต์โดยสาร(บัส) ประจำทาง ที่มีต้นทางจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่จะออกนอกพื้นที่ หลังห่วงเทศกาลปีใหม่.
ทรงวุฒิ ทับทอง