ร้อยเอ็ด-ติดตามแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต!!สัมมนาการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น!!
วันพฤหัสบดี ที่ (27 มิถุนายน 2562)
เมื่อเวลา 09.00น.นายเสกสรรณ์ สมมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้เป็นประธานใน….นายวีระ ศรีคำ หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริตได้กล่าวรายงานว่า ในนามของคณะผู้จัดงาน คณะวิทยากร ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชนทุกแขนง โค้ชและสมาชิกชมรม strong-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดร้อยเอ็ด ภาคีเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตลอดทั้ง ผู้มีเกียรติที่มาร่วมโครงการฯ ในวันนี้ ขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ได้ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการติดตามแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กิจกรรม สัมมนาการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในโอกาสนี้ขอรายงานถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการฯเพื่อโปรดทราบ พอสังเขป ดังนี้
ด้วยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ.2560–2564) และให้หน่วยงานภาครัฐแปลงแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตไปสู่การปฏิบัติ เพื่อมุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรม เป็นสังคมมิติใหม่ที่ประชาชนไม่เพิกเฉยต่อการทุจริต ส่งเสริมการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน ให้ประเทศไทยมีศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิในด้านความโปร่งใสทัดเทียมนานาอารยประเทศ และสำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้ดำเนินการส่งเสริมหน่วยงานต่างๆให้มีการบริหารราชการตามหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส เข้มแข็ง ให้ปลอดทุจริต ดังนั้นเพื่อขยายแนวคิดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารงานด้วยความโปร่งใสมีความเข้มแข็งในการบริหารราชการ เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน ยกระดับมาตรฐานในการป้องกันการทุจริต และสร้างความตระหนักถึงปัญหาการทุจริตที่ส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างร้ายแรงให้แก่คณะผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการหรือพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมถึงประชาชนในท้องถิ่นและเสริมสร้างทัศนคติค่านิยมในความซื่อสัตย์สุจริต คุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต ตามกรอบแนวทางยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ประกอบด้วย 4 มิติ ดังนี้ มิติที่ 1 การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต มิติที่ 2 การบริหารราชเพื่อป้องกันการทุจริต มิติที่ 3 การส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และมิติที่ 4 การเสริมสร้างและปรับปรุงกลไกในการตรวจสอบการปฏิบัติราชการ อันเป็นนวัตกรรมการป้องกันการทุจริตเชิงรุก เพื่อสร้างกลไกในการป้องกันการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนอันเป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด จึงดำเนินโครงการ“ติดตามแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”กิจกรรมสัมมนาการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ ดังนี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 -2564) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต
2. เพื่อส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแสดงเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริต
3. เพื่อส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส
4. เพื่อส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตไปสู่การปฏิบัติ ตลอดทั้งเยี่ยมชม
แนะนำ รวมทั้งรับทราบปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะในการจัดทำและการดำเนินการนำแผนปฏิบัติการ
ป้องกันการทุจริตไปสู่การปฏิบัติ5. เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการ,กิจกรรม,แผนงาน,มาตรการ,แนวทางดำเนินงานตาม
แผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโอกาสนี้!!เพื่อเป็นเกียตริแก่คณะผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมโครงการฯ ท่านเสกสรรณ์ สมมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ประธานในพิธี ได้กล่าวเปิดโครงการ และให้เกียรติ ปาฐกถาพิเศษ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติ ต้านทุจริต” ได้กล่าวเปิดกิจกรรมว่า โครงการติดตามแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกิจกรรมสัมมนาการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของผู้บริหารองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น
ท่านผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ท่านท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ด
ท่านผู้บริหารท้องถิ่น.รองผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น คณะวิทยากร สื่อมวลชนทุกแขนงฯ
จากคำกล่าวรายงานทุกท่านก็ได้รับทราบถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดงานเป็นที่เข้าใจดีแล้วและต่างก็คงตระหนักรู้ถึงภัยที่เกิดจากการทุจริตนั้นว่ามีความร้ายแรงและผลเสียหาย ต่อประเทศชาติเพียงใด จะเห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการทุจริตอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการทุจริตเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นอย่างมากพัฒนาการของการทุจริตในสังคมไทยเปลี่ยนแปลงจากในอดีตที่มีรูปแบบการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง รับสินบน ซึ่งสามารถตรวจสอบหาหลักฐานจับผิดมาลงโทษได้เนื่องจากมีความซับซ้อนไม่มากเท่ากับการทุจริตในปัจจุบันที่ประเทศไทยมีความเสียหายจากการทุจริตขนาดใหญ่ที่สูงเป็นเงินงบประมาณหลายแสนล้านบาทแม้ว่าองค์กรภาครัฐหรือภาคเอกชนและมีมาตรการต่างๆที่ออกมารวมทั้งกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามทุจริตและ การตรวจสอบจากองค์กรต่างๆแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ดังดัชนีรับรู้การทุจริต(Corruption Perception Index : CPI) ของประเทศ ในปีที่ผ่านมา เมื่อปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทย ได้ 37 คะแนนอยู่ในอันดับที่ 96 และในปี พ.ศ. 2561ประเทศไทยได้เพียง36 คะแนนอยู่ในอันดับที่ 99จาก 180 ประเทศทั่วโลกการจัดอันดับดังกล่าวนั้นสะท้อนให้เห็นว่ากลไกในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทยยังไม่เข้มแข็งพอที่จะขจัดปัญหาดังกล่าวให้ลดน้อยลงไปได้และนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขยายรากเหง้ากลโกงยิ่งขึ้น กอปรกับสังคมไทยเป็นสังคมระบบอุปถัมภ์ ซึ่งนับเป็นพฤติกรรม ที่ยากจะแก้ไข
ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 ได้มีการวิเคราะห์ภาพอนาคตของประชาชนและสังคมไทยในระยะ 5 ปีข้างหน้าไว้ว่าหากยุทธศาสตร์ได้รับความร่วมมือ ร่วมใจ จากทุกภาคส่วนในการนำไปปฏิบัติจริง ผู้บริหารนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนในการต่อต้านการทุจริตประชาชนจะมีความตื่นตัวกับการทุจริตมากขึ้นมีความสนใจต่อข้อมูลข่าวสารและตระหนักถึงผลกระทบของการทุจริตและมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตมากขึ้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีความสำคัญที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน เมื่อองค์กรได้รับการส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส มีธรรมาภิบาล พี่น้องประชาชนก็จะได้รับการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อน การรับบริการอย่างมีคุณภาพ และเกิดความประทับใจ การที่องค์กรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้รับการยอมรับ เชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และบุคลากรทุกส่วนในองค์กร นอกจากจะต้องมีความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับของประชาชนแล้ว จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมและจริยธรรมควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นการยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต รวมถึงส่งเสริมให้นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรมได้แสดงเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริตต่อสาธารณชน และรับผิดชอบต่อเจตจำนงที่ได้แสดงออกไปนั้นจะช่วยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการบริหารงานด้วยความโปร่งใสมีความเข้มแข็งในการบริหารราชการ เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริงและจะส่งผลให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 สามารถสัมฤทธิ์ผลบรรลุตามวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต”ได้อย่างแท้จริง
ขอขอบคุณสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ตลอดทั้งกลุ่มองค์กรภาคีเครือข่ายต่างๆ ในพื้นที่ที่ได้ร่วมกันดำเนินโครงการอันเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมต่อต้าน การทุจริตและเป็นแบบอย่างให้ภาคส่วนต่างๆได้ตระหนักและเห็นความสำคัญในการร่วมต่อต้าน การทุจริตได้นำไปต่อยอดขยายผลให้แพร่หลายขอให้การจัดงานในครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และบรรลุวัตถุในการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เกิดความตระหนักถึงภัยจากการทุจริตการสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตและ มีการบริหารราชการด้วยความโปร่งใส เข้มแข็งเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างยั่งยืนมั่นคงตลอดไป..
ณ โรงแรม เพชรรัชต์การ์เด้น ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด
//////////////////
ภาพ/ข่าว::ศรีไพร ทูลธรรม ผู้สื่อข่าวสำนักข่าว
ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด