“อภิสิทธิ์” ยกพลขึ้นเหนือ เปิดตัวว่าที่ ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ภาคเหนือ 16 จังหวัด 62 เขตเลือกตั้ง ที่เชียงใหม่
วันที่ 27 ม.ค. 2562 ช่วงเช้าที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพร้อมกรรมการบริหารพรรค พื้นที่ภาคเหนือ ได้นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 62 เขต ของพื้นที่ภาคเหนือ กราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่เมืองเชียงใหม่ ก่อนที่จะไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อย่างเป็นทางการของภาคเหนือ ที่พุทธสถานอ.เมือง จ.เชียงใหม่
วันที่ 27 ม.ค. 2562 ช่วงเช้าที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพร้อมกรรมการบริหารพรรค พื้นที่ภาคเหนือ ได้นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 62 เขต ของพื้นที่ภาคเหนือ กราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่เมืองเชียงใหม่ ก่อนที่จะไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อย่างเป็นทางการของภาคเหนือ ที่พุทธสถานอ.เมือง จ.เชียงใหม่
และเวลา 10.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. 62 เขต 16 จังหวัดภาคเหนือ ที่พุทธสถานอ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีนายพรชัย จิตรนวเสถียร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมคณะและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 62 เขต 16 จังหวัด ที่มาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่
และเวลา 10.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. 62 เขต 16 จังหวัดภาคเหนือ ที่พุทธสถานอ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีนายพรชัย จิตรนวเสถียร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมคณะและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 62 เขต 16 จังหวัด ที่มาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่
หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ขึ้นแถลงนโยบายของ พรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่อง เศรษฐกิจและการศึกษา ด้านการศึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ชูนโยบายยกระดับคุณภาพลูกหลานไทยว่า การเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ที่จะถึงนี้ ถือเป็นโอกาสสำหรับพี่น้องประชาชน ที่จะได้หลุดพ้นวังวนเดิมๆ เพื่อเป็นโอกาสให้ประชาชนยกระดับความเป็นอยู่และให้ประเทศเดินหน้าต่อไป พรรคประชาธิปัตย์จะเน้นนโยบายเปลี่ยนแปลงหลังเลือกตั้ง สำหรับพรรคประชาธิปัตย์การเปลี่ยนแปลงประเทศต้องไปสู่ความยั่งยืนที่สุด โดยปัจจัยสำคัญของการไปสู่ความเจริญก้าวหน้า คือ “คน” จึงต้องมีการยกระดับการศึกษา เพื่อคุณภาพของเด็กไทย ขจัดความเลื่อมล้ำ ให้มีโอกาสพัฒนาตนเอง ซึ่งไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นสวัสดิการที่ควรได้รับ ทั้งนี้ เน้นพัฒนาเด็กตาม 7 เป้าหมายหลัก คือ สุขภาพดี มีทักษะการคิดวิเคราะห์ มีทักษะสองภาษา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยี มีคุณธรรมและจิตสาธารณะ เข้าใจสิทธิและหน้าที่ และมีทักษะชีวิต และยืนยันว่านโยบายด้านการศึกษาทำแล้วมีจะความคุ้มค่าที่สุดสำหรับคนไทย ตามนโยยายพรรค “ แก้จน สร้างคน สร้างชาติ”
หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ขึ้นแถลงนโยบายของ พรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่อง เศรษฐกิจและการศึกษา ด้านการศึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ชูนโยบายยกระดับคุณภาพลูกหลานไทยว่า การเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ที่จะถึงนี้ ถือเป็นโอกาสสำหรับพี่น้องประชาชน ที่จะได้หลุดพ้นวังวนเดิมๆ เพื่อเป็นโอกาสให้ประชาชนยกระดับความเป็นอยู่และให้ประเทศเดินหน้าต่อไป พรรคประชาธิปัตย์จะเน้นนโยบายเปลี่ยนแปลงหลังเลือกตั้ง สำหรับพรรคประชาธิปัตย์การเปลี่ยนแปลงประเทศต้องไปสู่ความยั่งยืนที่สุด โดยปัจจัยสำคัญของการไปสู่ความเจริญก้าวหน้า คือ “คน” จึงต้องมีการยกระดับการศึกษา เพื่อคุณภาพของเด็กไทย ขจัดความเลื่อมล้ำ ให้มีโอกาสพัฒนาตนเอง ซึ่งไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นสวัสดิการที่ควรได้รับ ทั้งนี้ เน้นพัฒนาเด็กตาม 7 เป้าหมายหลัก คือ สุขภาพดี มีทักษะการคิดวิเคราะห์ มีทักษะสองภาษา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยี มีคุณธรรมและจิตสาธารณะ เข้าใจสิทธิและหน้าที่ และมีทักษะชีวิต และยืนยันว่านโยบายด้านการศึกษาทำแล้วมีจะความคุ้มค่าที่สุดสำหรับคนไทย ตามนโยยายพรรค “ แก้จน สร้างคน สร้างชาติ”
นายอภิสิทธิ์ ได้ปราศรัยอีกว่า สำหรับนโยบายการการศึกษานั้น จะดำเนินการใน 10 ข้อหลัก ซึ่งจะตอบโจทย์การศึกษาตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ คือ 1. เกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสน เบี้ยเด็กเข้มแข็ง 0 – 8 ปี 1,000 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของเด็กตลอดปี 2.ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพดีทั่วประเทศจัดการศึกษาปฐมวัยให้มีคุณภาพ พัฒนาหลักสูตรที่เน้นกระบวนการคิด เพิ่มครูปฐมวัยทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กมีการพัฒนาเติบโตอย่างมีคุณภาพในทุกด้าน 3. อาหารเช้า-กลางวันฟรี มีคุณภาพ ให้กับนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 3 ผ่านสถานศึกษา โดยคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการที่นักเรียนควรได้รับ 4. เด็กทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ ด้วย English for All จัดการเรียนการสอนโดยเจ้าของภาษา เน้นทักษะการสื่อสารตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่2ของสังคมไทย 5.ปรับหลักสูตรเพื่อโลกอนาคต ตั้งแต่ระดับปฐมที่เน้นการคิดวิเคราะห์มากกว่าการท่องจำ 6.เรียนฟรีถึงระดับบ ปวส. “จบแล้วต้องมีงานทำ” ในอาชีวะศึกษาภาครัฐและเอกชน ทั้งสายช่างและพาณิชย์ พัฒนาระดับฝีมือ ทักษะการทำงานจริงเพื่อผลิตบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาด 7.การศึกษาตลอดชีวิต คูปองเพิ่มทักษะสำหรับผู้ใหญ่ แจกคูปองเพิ่มทักษะและส่งเสริมการเรียนรู้เพิ่มทักษะในด้านต่างๆ สำหรับประชาชนทุกช่วงวัย ให้ทันสมัยต่อความเปลี่ยนแปลงเพิ่มโอกาสสร้างอาชีพ 8.คืนครูให้นักเรียนลดภาระงานของครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน 9. จัดตั้งกองทุน Smart Education เพื่อสนับสนุน Social Enterprise และ Startup ด้านการศึกษา รวมถึงการนำเทคโนโลยี EdTech (Education Technology)เพื่อใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน และการสอบ ให้มีประสิทธิภาพ และ10. การกระจายอำนาจจากกระทรวงสู่โรงเรียน” เป็นต้น
นายอภิสิทธิ์ฯ ยังได้ปราศรัยถึง 6 นโยบายหลักๆ ในด้านของเศรษฐกิจยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทย อาทิ โครงการโฉนดสีฟ้า จัดทำเป็นโฉนดชุมชนจัดการตนเอง โดยการออกกฎหมายโฉนดชุมชน เพื่อให้สิทธิในการจัดการชุมชน และยกระดับ สปก.ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐ พร้อมเดินหน้าธนาคารที่ดิน เพิ่มที่ดินทำกินให้คนไทย, การจัดตั้งกองทุนน้ำชุมชน ให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี, การประกันรายได้เกษตรกรให้ครอบคลุมพืชทุกชนิด อาทิ ราคาข้าวเกวียนละ 10,000บาท, การประกันราคาลำไย รวมถึงทำประกันภัยพืชผลคุ้มครองต้นทุนการผลิต ตลอดจนแนวคิดให้มีการประกันรายได้แรงงานไม่ต่ำกว่า 120,000ต่อปี และบัตรสวัสดิการ แห่งรัฐคนละ 800 บาทต่อเดือน เป็นต้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า นโยบายที่นำเสนอไปสามารถทำได้ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล โดยมั่นใจจะไม่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถชี้แจงแหล่งเงินที่นำมาจัดทำนโยบายได้
นายอภิสิทธิ์ฯ ยังได้ปราศรัยถึง 6 นโยบายหลักๆ ในด้านของเศรษฐกิจยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทย อาทิ โครงการโฉนดสีฟ้า จัดทำเป็นโฉนดชุมชนจัดการตนเอง โดยการออกกฎหมายโฉนดชุมชน เพื่อให้สิทธิในการจัดการชุมชน และยกระดับ สปก.ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐ พร้อมเดินหน้าธนาคารที่ดิน เพิ่มที่ดินทำกินให้คนไทย, การจัดตั้งกองทุนน้ำชุมชน ให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี, การประกันรายได้เกษตรกรให้ครอบคลุมพืชทุกชนิด อาทิ ราคาข้าวเกวียนละ 10,000บาท, การประกันราคาลำไย รวมถึงทำประกันภัยพืชผลคุ้มครองต้นทุนการผลิต ตลอดจนแนวคิดให้มีการประกันรายได้แรงงานไม่ต่ำกว่า 120,000ต่อปี และบัตรสวัสดิการ แห่งรัฐคนละ 800 บาทต่อเดือน เป็นต้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า นโยบายที่นำเสนอไปสามารถทำได้ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล โดยมั่นใจจะไม่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถชี้แจงแหล่งเงินที่นำมาจัดทำนโยบายได้
จากนั้นมีกำหนดที่จะลงพบปะประชาชน ที่ตลาดวโรรส พร้อมสักการะศาลเจ้าปุงเถ่ากง, เยี่ยมศูนย์อำนวยการเลือกตั้งเขตที่ 1 เชียงใหม่ พร้อมพบปะ “กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ใส่ใจการเมือง” และในช่วงเย็นนายอภิสิทธิ์ พร้อมกรรมการบริหารพรรคฯและว่าที่ผู้สมัครพร้อมคณะฯ จะเดินพบปะประชาชน ที่บริเวณถนนคนเดิน ที่ถนนท่าแพและถนนราชดำเนิน จ.เชียงใหม่ ก่อนที่จะเดินทางกลับ.
ทรงวุฒิ ทับทอง ภาพ/ข่าว