“คณะอนุกรรมการสมคบ ภาค 5ฯ เห็นชอบเสนอ เลขาธิการ ป.ป.ส. แจ้งข้อหาสมคบฯ เครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ ปปส.ภาค 5 จำนวน 17 ราย”
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุมกาแล 1 สำนักงาน ปปส.ภาค 5 นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 มอบหมายให้นายดนุชา ไชยวงค์ ผู้อำนวยการส่วนบังคับใช้กฎหมาย ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการ คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขออนุมัติแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดภาค 5 จัดประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขออนุมัติแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดภาค 5 ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายจำนอง ปานทอง อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง รักษาการในตำแหน่ง อธิบดีอัยการภาค 5 เป็นประธานอนุกรรมการ พร้อมด้วยอนุกรรมการ ได้แก่ พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายประทีป ศรีสิงห์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ผู้แทนกองกฎหมาย และผู้แทน ปปส.ภาค 5 เข้าร่วมประชุม
โดยที่ประชุมได้พิจารณาคำขออนุมัติแจ้งข้อหาฯ จำนวน 8 คำขอ ที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนจากสถานีตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงาน ปปส.ภาค 5 ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานจากการสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดหลัก ผลการพิจารณาที่ประชุมมีมติเห็นควรเสนอ เลขาธิการ ป.ป.ส. อนุมัติแจ้งข้อหาเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญฐานสมคบฯ ตามมาตรา 127 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด จำนวน 17 ราย ซึ่งภายหลังหาก เลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งอนุมัติแจ้งข้อหาฯ แล้ว พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจะดำเนินแจ้งข้อหาฯ แก่ผู้ต้องหา ต่อไป
ซึ่งข้อหาสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ตามมาตรา 127 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นหนึ่งในข้อหาความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ที่เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจออกคำสั่งให้ตรวจสอบ หรือยึด หรืออายัดทรัพย์สิน ของผู้ต้องหาและผู้มีทรัพย์สินเกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินมาตรการตรวจสอบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดได้
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยการขยายผลจับกุมเครือข่ายการค้ายาเสพติดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด อันเป็นการตัด Supply side ออกจากระบบ โดยใช้มาตรการสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ และยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด.