ตามที่มีประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย ฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้ และคลื่นสมแรงบริเวณอ่าวไทย โดยมีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 20-25 ธันวาคมคม 2566 และกรมเจ้าท่าได้มีประกาศเรื่อง ให้ระมัดระวังการเดินเรือจากคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย
โดยในช่วงวันที่ 20-25 ธันวาคม 2566 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอำาวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างมีแนวโน้มเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเชียลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงในช่วงวันที่ 22-25 ธันวาคม 2566 มีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคให้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่จัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าว ประกอบกับกรมเจ้าทำได้ออกประกาศกรมเจ้าท่าเรื่อง การออกเดินเรือในทะเลตามความเหมาะสมของความยาวเรือและสภาพคลื่นลม ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ กรมเจ้าท่า จึงขอให้นายเรือ และผู้ควบคุมเรือ
ระมัดระวังการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ติดตามข่าวอากาศอย่างต่อเนื่อง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยที่มีความยาวเรือน้อยกว่า 3 เมตร และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันที่มีความยาวเรือน้อยกว่า 7 เมตร ห้ามออกจากฝั่งไปยังทะเลเปิดในระยะนี้นั้น
วันที่ 24 ธ.ค.66 มีรายงานว่า ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยา (บาลีฮาย) เป็นไปอย่างคึกคัก นักท่องเที่ยวจำนวนมาอาศัยเกินเรือไปพักผ่อนที่เกาะล้านกันตลอดทั้งวัน และที่บริเวณหน้าสำนักงานป้องกันภัยพิบัติทางทะเล เมืองพัทยา กรมเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้มีการชักธงแดงขึ้นระดับกลางของเสาธง หมายถึงเรือขนาดเล็ก เช่น เรือประมงขนาดเล็ก เจ็ตสกี เรือสปีดโบต และเรือลากร่มให้งดการใช้เรือ และห้ามนำเรือออกจากฝั่ง ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หรือปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเจ้าท่าพัทยา ร่วมกับเมืองพัทยา ในการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าคอยดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชม. โดยแบ่งเป็นการทำงานภาคกลางวัน และกลางคืน ดำเนินการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันจะเน้นในเรื่องของการบังคับใช้เสื้อชูชีพ และจำนวนผู้โดยให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด