บิ๊กอวบ’แถลงจับรองนายกอบต.ผันมาขายยา ยึดยาบ้าเฉียด 3 แสนเม็ด กัญชา 200 โล
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 – 12:26 น.
เมื่อเวลา10.00 น วันที่23 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. ,พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. ,พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รอง ผบช.ส. ร่วมแถลงผลจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 9 ราย
โดยคดีที่ 1 จับกุมตัวผู้ต้องหา 4 คน คือ 1.นายอะคา จะนู อายุ 54 ปี ชาวจ.เชียงราย รองนายก อบต.เวียงป่าเป่า 2.นายสุวิชัย พงศ์ทวีรัฐ อายุ 23 ปี 3.นายจะมุ จะหลู อายุ 21 ปี 4.นายจะงะ พญาอู๋ อายุ 56ปี พร้อมของกลาง 9 รายการคือ
1.ยาบ้า จำนวนประมาณ 250,000 เม็ด
2.รถยนต์ จำนวน 2 คัน
3.รถจักรยานยนต์ จำนวน1คัน
4.โทรศัพท์มือถือ จำนวน4เครื่อง
5.อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. จำนวน1กระบอก ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดย
ผิดกฎหมาย” และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 เพิ่มเติมว่า “พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร”
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ทราบว่ามี นักการเมืองท้องถิ่นชาวเขา มีพฤติการณ์ในการจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ เขต อ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย จึงได้ทำการสืบสวนพฤติการณ์เรื่อยมา
จนสามารถจับกุม นายจะคา จะนู ผู้ต้องหาที่ 1 รองนายก อบต .เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านแม่ขะจาน ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ก่อนจะจับกุมนายสุวิชัย นายจะมุ ผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ที่บริเวณหน้าที่ทำการ องค์การบริหารส่วนตำบลเวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จับกุมนายจะงะ ผู้ต้องหาที่ 4 ที่บริเวณริมถนนสายเชียงใหม่ – เชียงราย ขณะจะส่งมอบยาบ้า 250,000 เม็ด ให้กับ
ผู้ซื้อ และตรวจพบอาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ในยานพาหนะของผู้ต้องหาที่ 1 พร้อมตรวจยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.มาตรการ ฯ ตรวจยึดสมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 8 เล่ม และบัตรกดเงินสด จำนวน 3 ใบ
คดีที่ 2 จับกุมตัวผู้ต้องหา 2 คน คือ
1.นายพรศักดิ์ หรือชาติ แซ่โซ้ง อายุ42 ปี
2. นายชวน หรือเตี้ย แซ่หว้า อายุ20 ปี พร้อมของกลาง 3 รายการ คือ 1.ยาบ้า จำนวนประมาณ 48,000 เม็ด
2.รถจักรยานยนต์ จำนวน1คัน
3.โทรศัพท์มือถือ จำนวน3 เครื่อง
แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” โดยกลุ่มนักค้ายาเสพติดกลุ่มม้ง ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ มีพฤติการณ์ในการค้ายาเสพติด และจะมีการส่งมอบให้กับลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน พีที ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ และจับกุมตัวนายพรศักดิ์ หรือชาติ แซ่โซ้ง และ นายชวนหรือเตี้ย แซ่หว้า ได้ที่ปั๊ม พีที จ.เพชรบูรณ์
คดีที่ 3 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน
1.นายนิรุตน์ บัวทุม อายุ 30 ปี
2.นายประจวบ บัวทุม อายุ 37 ปี
3.นายบุญช่วย เขียวไพรี อายุ 49 ปี
พร้อมของกลาง 5 รายการ คือ 1.กัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 204 แท่ง น้ำหนักประมาณ 204 กิโลกรัม
2. รถยนต์กระบะบรรทุก จำนวน 1 คัน
3.รถยนต์เก๋ง จำนวน 1 คัน
4.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง
แจ้งข้อกล่าวหาว่า“ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5(กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สถานที่เกิดเหตุ จับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 บริเวณริมถนนวังสะพุง-ภูหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย จับกุมผู้ต้องหาที่ 3 ริมทางจุดชมวิวภูหลวง บ้านเลยวังไสย์ ต.เลยวังไสย์ อ.ภูหลวง จ.เลย โดยกลุ่มเครือข่ายนายบุญช่วย เขียวไพรี มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ตอนในและภาคตะวันออกโดยใช้เส้นทาง จว.บึงกาฬ – จว.หนองคาย- จว.อุดรธานี-จว.หนองบัวลำภู–จว.เลย–จว.เพชรบูรณ์-จว.ลพบุรี-จว.สระบุรี-กรุงเทพฯ-จว.ชลบุรี-จว.ระยอง ใช้รถยนต์เก๋ง ซูซูกิ สีดำ ทะเบียน กว-6461 สุราษฎร์ธานี และรถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ไททัน สีดำ ทะเบียน บพ-1289 เลย เป็นยานพาหนะในการลำเลียง ยาเสพติด จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทาง จนพบรถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าววิ่งอยู่บนถนนมิตรภาพบริเวณหมู่บ้านนาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าสะกดรอยติดตาม และได้เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นรถยนต์กระบะ พบกัญชาแห้งอัดแท่ง บรรจุในกระสอบปุ๋ย พันด้วยเทปกาวใส ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 5 กระสอบ มี นายนิรุตน์ บัวทุม ทำหน้าที่คนขับรถ และนายประจวบ บัวทุม คนนั่งข้างคนขับ ต่อมาได้ทำการสกัดและหยุดรถยนต์เก๋ง มีนายบุญช่วย เขียวไพรี เป็นคนขับ และได้ทำการตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด โดยนายบุญช่วย รับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวทำหน้าที่นำทางและตรวจการณ์ล่วงหน้า
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า และทำการยึดอายัดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ และทำการสอบสวนขยายผลเพื่อติดตามตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป