หลายพื้นที่ของจังหวัดกาฬสินธุ์ และพื้นที่ด้านเหนือยังคงมีฝนตกติดต่อกัน ส่งผลให้มีปริมาณไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาวต่อเนื่อง ล่าสุดมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,588 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 80 % จากความจุอ่าง 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ด้านผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวเผย สถานการณ์ยังสามารถบริหารจัดการได้ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 400 ล้านลูกบาศก์เมตรหากมีพายุฝนตกลงมาอีก
23 กันยายน 2567 จากการติดตามผลกระทบอิทธิพลร่องมรสุมที่เกิดจากพายุซูลิกพาดผ่านประเทศไทย และหลายภูมิภาค ได้ส่งผลให้เกิดภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ขณะที่พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์หลายพื้นที่มีฝนตกติดต่อกัน แต่ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำฝนในปีนี้ได้อีกเป็นจำนวนมาก
ด้านนายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว กล่าวว่า ถึงแม้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ อย่างต่อเนื่อง ส่งให้มีมวลน้ำไหลเข้าตัวอ่างอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และล่าสุดต้นสัปดาห์นี้ ยังคงมีร่องมรสุมที่เกิดจากอิทธิพลของพายุพาซูลิกทำให้ยังมีฝนตกอยู่หลายพื้นที่ จากการสำรวจสถิติน้ำฝน จะเห็นว่ามีปริมาณฝนตกหนักบริเวณพื้นที่ใต้เขื่อนลำปาว มากกว่าพื้นที่เหนือเขื่อนลำปาว ซึ่งการบริหารจัดการน้ำภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ยังไม่น่าห่วง เพราะมีการวางแผนอย่างเป็นระบบบและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทุกวัน รวมทั้งประสานข้อมูลกับฝ่ายบริหารจัดการน้ำในจังหวัดใกล้เคียงตลอด
นายสำรวย กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์เขื่อนลำปาวล่าสุด จากการวัดปริมาณน้ำในเขื่อนลปาว อยู่ที่ 1,588 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 80 % จากความจุอ่าง 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังมีพื้นที่รองรับน้ำได้อีกกว่า 400 ล้านลูกบาศก์เมตร หากมีพายุฝนตกลงมาอีก อย่างไรก็ตามในส่วนด้านการส่งน้ำและระบายน้ำนั้น ทางโครงการฯได้ระบายน้ำผ่านอาคารระบายน้ำลงลำปาว ส่งน้ำเข้าระบบคลองส่งน้ำ เพื่อช่วยการเกษตร และประมง 305,870 ไร่ เพื่ออุปโภค บริโภค ประปา อุตสาหกรรม และกิจกรรมอื่นเฉลี่ยวันละ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร