ศรีสะเกษ ! หนุ่มเที่ยวหมอลำถูกต่อยปากแตกควบปิกอัพซิ่งหนีพุ่งชนชาวบ้านเจ็บตายหลายราย
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 22 ก.พ. 2567 พ.ต.ท.ประชา มูลสาร สว.(สอบสวน) สภ.วังหิน ได้รับแจ้งมีเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนคนเสียชีวิต ที่บริเวณถนนคอนกรีตเชื่อมระหว่างหมู่บ้านไทยบวกเตย-บ้านป่าใต้ ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์กรณ์ ศรีสุวรรณ ผกก.สภ.วังหิน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วังหิน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยรุดไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าทะเบียน 1 กธ 5868 ศรีสะเกษ สภาพพังเกือบทั้งคัน มี นางมาลี เกลาพิมาย อายุ 55 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เป็นผู้ขับขี่ ได้รับบาดเจ็บ ใกล้กันพบรถจักรยานไฟฟ้า มี นางวาสนา จันมณี อายุ 48 ปี ชาว ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตที่ รพ.ศรีสะเกษ ในเวลาต่อมา โดยมี นางบัวสอน วิลัย อายุ 53 ปี ชาว ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้นั่งโดยสารซ้อนท้ายมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ห่างกันประมาณ 100 เมตร พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีนางศิริลักษณ์ ศรบุญทอง อายุ 51 ปี ชาว ต.โพนข่า อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้ขับขี่ ถูกเฉี่ยวชนไถลไปไกลกว่า 10 เมตร ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิต ที่ รพ.วังหิน ส่วนผู้ก่อเหตุหลังเกิดเหตุได้ขับรถหลบหนีไป
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายปรีชา ไกรยา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 10 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า รีโว ทะเบียน บษ 9784 ศรีสะเกษ ไล่ชนแล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วังหิน จึงได้เร่งไล่ล่าติดตามตัวคนร้ายจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวไว้ได้ในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่น จากนั้นได้นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.วังหิน
นายปรีชา ไกรยา อายุ 23 ปี ให้การว่า วันเกิดเหตุตนได้ไปเที่ยวงานบุญชมหมอลำซิ่งกับญาติคนหนึ่ง และได้นั่งดื่มเหล้ากันประมาณ 2 ขวด จากนั้นหลังหมอลำเลิกทำการแสดง ตนได้มีเรื่องกับวัยรุ่นในพื้นที่ โดยตนถูกชกเข้าที่ใบหน้าจนปากแตก จึงรีบเดินกลับมาที่รถยนต์ที่จอดไว้ข้างบ้านงานบุญพร้อมกับญาติ แล้วเร่งเครื่องขับหนีกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะถูกตามมาทำร้าย จนเป็นเหตุสลดขับเฉี่ยวชนคนเจ็บตายเกลื่อนดังกล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 11 บ้านป่าใต้ ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ไปพบกับ นายตรีเพชร จันมณี อายุ 54 ปี สามีของ นางวาสนา จันมณี ผู้เสียชีวิต เล่าว่า วันเกิดเหตุตนไม่ได้ไปเที่ยวงานบุญกับภรรยาด้วย โดยภรรยาตน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจับกลุ่มไปร่วมกันกับญาติๆและเพื่อนบ้าน จากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. มีญาติมาแจ้งว่า ภรรยาของตนถูกรถชนอาการสาหัส และถูกนำตัวส่ง รพ.ศรีสะเกษ ตนรู้สึกตกใจมากและรีบเดินทางไปดูอาการของภรรยาที่โรงพยาบาล ซึ่งต่อมาภรรยาตนได้เสียชีวิตลง ตอนที่รู้ข่าวตอนแรกตนไม่ได้ตั้งหลักเลย ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ยิ่งมาเกิดการสูญเสียไปแบบนี้ ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังทำอะไรไม่ถูก ส่วนหากผู้ก่อเหตุ จะมาขอขมา หรือขอโทษ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าไม่มีประโยชน์ มาก็ได้แค่ขอโทษ ยกโทษให้ มันก็ไม่ช่วยให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งการกระทำแบบนี้มันไม่น่าให้อภัยแล้ว การกระทำมันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มันเป็นเหมือนการตั้งใจเลย ซึ่งถ้ามีการชนคนแล้ว ก็น่าจะมีการสำนึก หรือ ลงมาดูหน่อย ไม่ใช่ขับรถชนแล้วหนี และไม่ใช่ชนแค่คนเดียว แต่เป็นการชนแบบระเนระนาดกวาดไปทั้งถนน จนมีคนเจ็บตายเป็นจำนวนมาก พฤติกรรมแบบนี้เหมือนตั้งใจชนให้คนตาย ไม่มีความสำนึกเลย
ส่วนที่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 11 บ้านป่าใต้ ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ นายวันชัย วิลัย อายุ 52 ปี สามีของ นางบัวสอน วิลัย ผู้เสียชีวิตอีกคน เล่าว่า วันเกิดเหตุตนกับภรรยาไปดูหมอลำที่งานบุญด้วยกัน แต่ตนได้กลับบ้านมาก่อน ส่วนภรรยาจะขอกลับพร้อมกันกับ นางวาสนา จันมณี เมื่อตนมาถึงบ้านได้ประมาณ 20 นาที ลูกชายตนได้มาบอกตนว่า แม่ถูกรถชนเสียชีวิต ตนกับลูกชาย จึงรีบออกไปดู ก็พบว่าภรรยาตนนอนแน่นิ่งเสียชีวิตแล้ว ซึ่งแพทย์ได้ระบุสภาพศพพบว่า แขนหักทั้งสองข้าง ขาหักทั้งสองข้าง กระดูกสันหลังหักแตกละเอียด ตนอยากให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษประหารชีวิตไปเลย แต่ถ้าหากถามว่าจะอโหสิกรรมให้ผู้ที่ก่อเหตุหรือไม่ ตนขออโหสิกรรมให้ เพราะถือว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะถึงอย่างไรภรรยาตนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ก.พ. 2567 พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายอานนท์ พ.ต.อ.พงศ์กรณ์ ศรีสุวรรณ ผกก.สภ.วังหิน ได้นำกำลังตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำตัว นายปรีชา ไกรยา ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำให้การตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในจุดที่ 1 คือจุดดูหมอลำ และจุดที่อ้างว่าถูกชกต่อย และจุดจอดรถ จุดที่ 2 ห่างจากจุดที่ 1 ประมาณ 300 เมตร
เป็นจุดที่ชนคนได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่ 3 ห่างกันประมาณ 10 เมตร เป็นจุดที่ชน นางวาสนา จันมณี และนางบัวสอน วิลัย ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตทั้งคู่ และจุดที่ 4 ห่างประมาณ 200 เมตร เป็นจุดที่ชน นางศิริลักษณ์ ศรบุญทอง ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก่อนที่จะขับรถหลบหนีไป โดยเบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับในข้อเท็จจริง แต่ปฏิเสธ ในข้อกฎหมาย โดยอ้างว่าขับรถประมาท เฉี่ยวชนคน
ขณะที่กำลังทำแผนประกอบคำให้การอยู่นั้น ได้มีญาติๆของผู้เสียชีวิต และชาวบ้านในพื้นที่ ได้แห่มามุงดูพร้อมกับตะโกนด่าทอสาปแช่งผู้ก่อเหตุเป็นจำนวนมาก โดยมีลูกชายของ นางบัวสอน วิลัย ออกมาร้องตะโกนจะไม่ให้อภัย ผู้ก่อเหตุเป็นอันขาด เพราะก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมขับรถชนตั้ง 3 ศพ ใครจะให้อภัยได้ ตอนนี้ไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่อยากจะเห็นสีหน้าของผู้ต้องหา ว่าจะทำสีหน้ายังไง อยากจะให้ผู้ต้องหาไปขอขมาหน้าโรงศพแม่ของตน และขอต่อยหน้าสักหมัดหนึ่งก็ได้ เพื่อระบายความทุกข์ที่อยู่ในใจ ส่วนตัวไม่ขอให้อภัยกับผู้ต้องหา ต้องการดำเนินคดีให้ผู้ต้องหารับโทษให้ถึงที่สุด
พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จแล้วทราบว่า ผู้ก่อเหตุขับรถมากับอา ซึ่งเป็นน้องชายพ่อ ไปดูหมอลำงานบุญที่หมู่บ้านข้างเคียง โดยอ้างว่าถูกทำร้ายร่างกาย จึงได้ขับรถหลบหนี ปรากฏว่าขับรถไปชนคนอื่น ในขณะที่ชาวบ้านร้องตะโกนให้หยุดรถ แต่ก็ไม่ยอมหยุดและไม่ยอมจอดรถลงมาดู อีกทั้งยังเร่งความเร็วสูงและเปิดไฟสูง ชนกวาดเรียบจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว จากนั้นได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองจึงได้เร่งไล่ล่าติดตามตัวคนร้ายจนทราบว่าหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ อ.กันทรลักษ์ และพิจารณาจากสภาพความเสียหายตามข้อเท็จจริงแล้ว จึงได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาก็คือเล็งเห็นผล จากนั้นส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
************
ข่าว/ภาพ … บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ