23 มกราคม 2568 ที่ โรงแรมนิภาการ์เด้น อำเภอเมืองฯ สุราษฎร์ธานี โดยมี นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันคนพิการสากลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประจำปี 2567 พร้อมด้วย นางปุณณิภัก ชื่นสุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวรายงาน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรคนพิการ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ การแสดงความยินดีกับคนพิการต้นแบบ บุคคลต้นแบบ และคนพิการที่ประสบความสำเร็จด้านกู้ยืมเงินเพื่อประกอบอาชีพ ภายใต้โครงการ WE CAN DO การมอบประกาศนียบัตรให้สถานประกอบการดีเด่น จำนวน 5 แห่ง การมอบประกาศเกียรติคุณให้สตรีดีเด่นจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเด็กพิการที่มีส่วนร่วมในสังคม รวมถึงการมอบกายอุปกรณ์ (รถสามล้อโยก, รถเข็น) ให้แก่คนพิการ โดย นางปุณณิภัก ได้กล่าวรายงานถึงสถานการณ์คนพิการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวน 24,998 คน และมีผู้ยื่นกู้ยืมเงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาชีวิตคนพิการ จำนวน 3,127 คน พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นของจังหวัด ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิและโอกาสต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีศักดิ์ศรี และมีคุณค่า ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ สอดคล้องกับประเด็นหลักของปี 2567 ที่องค์การสหประชาชาติกำหนด คือ “ส่งเสริมการเป็นผู้นำคนพิการ เพื่ออนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน”
นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อดูแลประชาชนให้มีความมั่นคงในชีวิตและมีสวัสดิการที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบาย 505 ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตประชากร ซึ่งมี 1 ใน 5 ยุทธศาสตร์ คือ การมุ่งเพิ่มโอกาสและเสริมสร้างคุณค่าของคนพิการ โดยตระหนักดีว่าคนพิการเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าและมีศักยภาพในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ดังนั้น จึงมุ่งเน้นการดึงศักยภาพของคนพิการมาเป็นพลังของสังคม โดยการส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ เพราะความพิการไม่ใช่อุปสรรคในการดำเนินชีวิต พร้อมกันนี้ นายสุคนธ์ ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับคนพิการที่ได้รับรางวัล รวมถึงบุคคล และองค์กรที่ได้รับรางวัล ประจำปี 2567 ทุกท่าน ที่ร่วมกันส่งเสริม และสนับสนุนให้คนพิการได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆในสังคมอย่างเสมอภาค เท่าเทียม และกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการให้ก้าวหน้า