“เทอดธนัท”ห่วงความเหลื่อมล้ำของไทย ตามที่สื่อฮ่องกงแพร่ข่าวรัฐบาลเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ ในขณะที่ประชาชนทั่วไปยากจนลง
ดร. เทอดธนัท สีเขียว รองประธานคณะทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่าจากที่สื่อฮ่องกง ASIATIMES พาดหัวและวิเคราะห์รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงกรณีที่ ”พรรครัฐบาลมีการระดมเงินทุนด้วยการจัดโต๊ะจีน 622 ล้านบาท แต่ กกต. รับรองว่าไม่ผิดกฎหมาย ทั้งที่ผู้มาร่วมโต๊ะจีนหลายรายป็นกลุ่มบริษัทที่ได้สัมปทานจากรัฐ อันมีลักษณะที่อาจเป็นการตอบแทนการสนับสนุนพรรคในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ โดยตระกูลมหาเศรษฐีที่หนุน พลเอกประยุท์ นั้นมีความร่ำรวยอย่างอู้ฟู่ แต่ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกลับดิ่งลงเหว และความเหลื่อมล้ำก็ยิ่งสูงมากขึ้นติดอันดับโลก ซึ่งรายงานของธนาคารโลกได้ระบุว่า ในห้วงเวลาของรัฐบาล คสช. ความยากจนและความเหลื่อมล้ำของไทยขยายตัวมากขึ้น สัดส่วนคนยากจนสูงขึ้นถึงร้อยล่ะ 10 รายได้และกำลังซื้อของประชาชนก็ลดลงมาโดยตลอด ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับ 5 ตระกูลมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ที่ธุรกิจมีการขยายตัวมีกำไรมหาศาลจนสร้างความร่ำรวยมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา”
ดร. เทอดธนัท กล่าวว่า ASIATIMES ระบุว่า “หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
– ตระกูลมหาเศรษฐีหนึ่งในผู้สนับสนุนอันดับต้น ๆ ของพรรครัฐบาล ที่ว่ากันว่าอาจจะมีการผูกขาดการค้าปลีกปลอดภาษีที่สนามบินหลัก ได้รับการต่ออายุและขยายธุรกิจไปยังสนามบินหลักเพิ่มอีกสามแห่งเป็นเวลาถึงหนึ่งทศวรรษ
-ในขณะเดียวกันกลุ่มร่วมทุนของตระกูลมหาเศรษฐีอีกหนึ่งราย ก็ได้รับสัญญามูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสนามบินสามแห่ง ทั้งๆ ที่กลุ่มนี้ไม่มีประสบการณ์ในการทำโครงสร้างพื้นฐานลักษณะนี้มาก่อน และนอกจากนี้ตระกูลนี้ยังได้รับประโยชน์มากที่สุดจากคำสั่งผู้บริหารของรัฐบาล ในการยืดระยะเวลาคืนทุนของผู้ให้บริการโทรคมนาคม
-และอีกหนึ่งตระกูลมหาเศรษฐี ผู้ค้าเบียร์และสุราก็ได้รับประโยชน์จากการเก็บภาษีนำเข้าเบียร์และไวน์ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดจนกฎระเบียบการผลิตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง”
สื่อฮ่องกงยังระบุอีกว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ยังโฆษณาว่าได้แก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ แต่ใช้นโยบายแจกเงินเป็นหลัก ที่ดำเนินการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้ผล ใช้นโยบายประชานิยม ที่เหมือนกับโปรยเงินลงจากเฮลิคอปเตอร์ เสมือนเป็นการเลียนแบบนโยบายของนายทักษิณ ชินวัตร แต่ไม่สามารถสร้างความยั่งยืนได้ ด้วยไม่ได้ใส่ใจมี่จะลดการอุ้มธุรกิจขนาดใหญ่ ลดอำนาจผูกขาด ลงแต่อย่างใด
“จึงอยากฝากถามไปยังรัฐบาล ว่าเรื่องดังกล่าวนี้เป็นจริงอย่างที่ สื่อฮ่องกง ASIATIMES พาดหัวและวิเคราะห์มาหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริง ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงความเป็นไปของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่จะต้องเผชิญกับกลุ่มทุนผูกขาดขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาครอบงำประเทศจนสร้างความเสียหายและสร้างความเหลื่อมล้ำที่นับวันจะมีแต่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์ นั้นให้ความสำคัญกับประชาชนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในทางการเมืองนั้นรัฐบาลที่ดี จะต้องบริหารประเทศโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนมาก่อนเป็นลำดับแรก ไม่ใช่ไปเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน” ดร. เทอดธนัท กล่าวทิ้งท้าย.
ทรงวุฒิ ทับทอง