22 กรกฎาคม 67 ที่ห้องประชุมที่ว่าการ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สังกัดกระทรวงยุติธรรม อาทิ เจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัด ราชทัณฑ์ คุมประพฤติ บังคับคดี รวมทั้งตัวแทน ศอ.บต. ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จำนวน 30 คน เข้าร่วมประชุม เพื่อมอบนโยบายในการปฏิบัติหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระดับสูง กรณีการจ่ายหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้เพื่อการศึกษา หรือ กยส. ที่ได้มีนโยบายในการผ่อนผันเพื่อให้ผู้ค้ำประกันและผู้กู้ยืม สามารถที่จะปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดการในช่วงประมาณสิ้นปี 2567 โครงการนี้สามารถปลดหนี้สินให้กับประชาชนชาว จ.นราธิวาส ที่ถือว่ามีหนี้สินมากที่สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 57,313 คน ซึ่งมีหนี้สินประมาณ 6,671 ล้านบาท ซึ่งสามารถปลดหนี้ได้มากถึงกึ่งหนึ่ง แต่ต้องมีหน่วยงานหลายฝ่าย ตั้งแต่ระดับจังหวัดไปสู่ระดับอำเภอและระดับอำเภอไปสู่ระดับตำบล
ที่สำคัญผู้ค้ำและผู้กู้ยืมเงิน กยศ.ปัจจุบันไม่ทราบว่าอยู่ในสถานะไหน จ่ายไปเท่าไรเหลือหนี้ที่ติดค้างเท่าไร โดยภาพรวมทั่วประเทศเป็นหนี้ กยศ.จำนวนกว่า 2 ล้านคน โดยกลุ่มบุคคลที่เป็นหนี้ กยศ.ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน ร้อยละกว่า 90 เป็นข้าราชการ โดยการประชุมเตรียมจัดทำแผนปลดหนี้ กยส.ในครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้เดินทางต่อยังไปโรงเรียนดารุสลาม เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ เพื่อไปร่วมงานการจัดงานสมทบทุนการก่อสร้างอาคารต่วนฆูรูฮัจญีเปาะซู ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่ถือว่าใหญ่ที่สุดของ จ.นราธิวาส โดย พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้ถือโอกาสเดินทางมาพูดคุยกับผู้ปกครองนักเรียนและกลุ่มนักเรียนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งมีใจความสรุปได้ว่า ตนดีใจที่มีโอกาสเดินทางมาโรงเรียนแห่งนี้อีกครั้ง เพื่อมาแจ้งข่าวดีกับทุกคน โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ล่าสุดตนได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีกองทุนเงินให้ก็เพื่อการศึกษา หรือ กยศ. อีกไม่นานทุกท่านสามารถปลดหนี้สินได้ ตนพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกคนหมดหนี้หมดสิน ทรัพย์สินของท่านที่ถูกกองบังคับคดียึด ต่อไปจะไม่มีการขายทอดตลาดอีกต่อไป ดอกเบี้ยที่เคยเสียในอัตราดอกเบี้ยประมาณเกือบร้อยละ 20ต่อปี ต่อไปเหลือเพียงร้อยละ 0.5ต่อปี ตนพยายามที่จะพยุงการดำรงชีวิตของชาวนราธิวาสให้ลืมตาอ้าปาก และลบคำสบประมาณว่าคนนราธิวาส ยากจนที่สุดของประเทศให้จงได้
ด้าน พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า คนไทยร้อยละ 90 เป็นหนี้ในระบบเช่นหนี้สถาบันการเงิน หนี้ กยศ. มีประชาชนเป็นหนี้ 6.8 ล้านคน กลุ่มที่ถูกตามหนี้ฟ้องร้องคือ 3.5 ล้านคน เนื่องจากปริมาณเงินมันซับซ้อนจึงทำให้การปรับโครงสร้างหนี้ กยศ.ยังไม่เสร็จ ปัจจุบันนี้การปรับโครงสร้างหนี้เสร็จแล้วเปลี่ยนโครงสร้างหนี้ใหม่แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เช่น ผู้ค้ำต้องปลดทั้งหมดแต่กฎหมายเขียนไว้ลูกหนี้ต้องมาเซ็นต์ มีคนอยู่ 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ลูกหนี้ที่ส่งไปแล้วคิดระบบการส่งให้เงินที่ส่งไปหักเงินต้น ถ้าวันนั้นไม่ส่งดอกเบี้ยปรับเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 0.5 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มที่ 2 ส่งหมดแล้วแต่มีความทุกข์อยู่ กยศ.สั่งให้นายจ้างหรือหน่วยงานหักเงิน อันนี้ส่งหมดแล้วก็ยังต้องจ่ายเงิน กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่ยังส่งไม่หมดแต่ตัวเลขหนี้มันก้อนใหญ่ถ้าเหลือนิดเดียวมีกำลังใจส่ง ผู้ค้ำประกับเทียบเท่ากับลูกหนี้ถ้าลูกหนี้ไม่จ่ายก็ต้องจ่ายหมด อาจจะถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ของ จ.นราธิวาส มีอยู่ 57,000 คน ถ้ารวมผู้ค้ำก็ 7 แสนกว่าคน ที่สำคัญหลังจากปรับโครงสร้างนี้ต่อไปปีหนึ่ง เช่นอาจจ่าย 5,000 บาทเดือนหนึ่ง วันหนึ่งไม่กี่บาทเราสามารถส่งเป็นวันได้
นูอารีซ๊ะ ยะยือริ รายงาน