ตำรวจสืบสวน ภาค 5 ร่วมกับตำรวจ สภ.แม่ริม สกัดจับกุมขบวนการลำเลียงยาเสพติด จากแนวชายแดนเข้ามาในเขตเมือง ของกลาง ยานรก 200,000 เม็ด รับจ้างขน 100,000 บาท ยิงต่อสู้ตำรวจเพิ่อเปิดทางหลบหนี เกือบถูกวิสามัญ
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2562 กก.สส.4 บก.สส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล, พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า, พล.ต.ต.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฒิ, พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข, พล.ต.ต.สมสง่า ชรินทร์, พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง, พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีรนันตสิน
ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,พ.ต.อ.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์, พ.ต.อ.ธวัชชัย พงศ์วิวัฒนชัย, พ.ต.อ.กตธน ศรีงามช้อย รอง ผบก.สส.ภ.5, พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,พ.ต.อ.สว่างวิทย์ สุทธหลวง ผกก.สส.4 บก.สส.ภ.5, พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.แม่ริม ,พ.ต.ท.นำพล พรหมการัตน์ รอง ผกก.ป.สภ.แม่ริม ,
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม บก.สส.ภ.5 นำโดย พ.ต.อ.วรพงศ์ คำลือ รอง ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.(กลุ่มงานสอบสวน) บก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันจับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ผู้ต้องหาจำนวน 3 คน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้กับ นายวงศกร จะลา (ผู้ต้องหาที่ 3) ว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่ ”
พร้อมด้วยของกลาง คือ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ลักษณะเม็ดกลมแบน สีส้มและสีเขียว ด้านหนึ่งผิวเรียบ อีกด้านหนึ่งมีตัวอักษร wy บรรจุอยู่ในซองพลาสติกแบบกดปิดดึงเปิดสีน้ำเงินและสีดำ ห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาวในชั้นแรก กระดาษไขพิมพ์ตัวอักษร 999 ในชั้นที่สอง ถุงพลาสติกสีดำในชั้นที่สาม โดยมีเทปกาวใสพันไว้ และใส่อยู่ในถุงกระสอบสีเขียว จำนวน 2 กระสอบ โดยแต่ละกระสอบบรรจุยาบ้าอยู่ประมาณ 100,000 เม็ด รวมของกลางประมาณ 200,000 เม็ด ตรวจพบวางอยู่หลังรถกระบะ ขณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น/จับกุม, อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ แบบบรรจุกระสุนโดยการหักลำกล้องบรรจุทีละนัด จำนวน 1 กระบอก ตรวจพบตกอยู่ในร่องน้ำข้างถนนที่เกิดเหตุ
, ลูกกระสุนปืนลูกซองปลอกสีเหลือง เบอร์ 20 จำนวน 1 นัด ตรวจพบบรรจุอยู่ในรังเพลิงอาวุธปืนของกลาง
,เงินสดจำนวน 13,000 บาท ตรวจพบบริเวณกระเป๋ากางเกงด้านหน้าขวาตัวที่ ผู้ต้องหาที่ 1 สวมใส่ ขณะเกิดเหตุ
,รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ Toyota สีเทา หมายเลขทะเบียน ผม-699 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน ตรวจพบ ขณะผู้ต้องหาที่ 1,2 และ 3 ร่วมกันใช้เป็นยานพาหนะในการนำยาเสพติดลักลอบเข้ามาในพื้นที่ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ , โทรศัพท์ยี่ห้อ HUAWEI รุ่น Y๗ 7 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง ตรวจพบที่ตัวของ ผู้ต้องหาที่ 1 ,โทรศัพท์ยี่ห้อ Infinix Smart2 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง ตรวจพบที่ผู้ต้องหาที่ 2
,โทรศัพท์ยี่ห้อ Vivo รุ่น Y3i สีดำ จำนวน 1 เครื่อง ตรวจพบภายในตัวผู้ต้องหาที่ 3 โทรศัพท์ยี่ห้อ Nokia สีดำ จำนวน1 เครื่อง ตรวจพบภายในตัวผู้ต้องหาที่ 3
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัว ผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย คือ 1.
นายจะฟะ จะก่า อายุ 22 ปี ที่อยู่ 140 หมู่ที่ 9 ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ (ผู้ต้องหาที่ 1 )
2. นายสมพร จะลอ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 126 ม.6 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย
ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่ (ผู้ต้องหาที่ 2)
3. นายวงศกร จะลา อายุ 21 ปี ที่อยู่ 180 ม.8 ต.ห้วยชมพู อ.เมือง จว.เชียงราย (ผู้ต้องหาที่ 3) ทั้งนี้ก่อนการจับกุม เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 5 ชุดจับกุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ริม ได้ตั้ง จุดสกัดกั้นชั่วคราว ตู้จราจรศรีบุญเรือง ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดน เข้ามาส่งให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อในพื้นที่ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ โดยมีพฤติการณ์ในการค้ายาเสพติดรายใหญ่ มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดยมีวิธีการนำยาเสพติดผ่านด่านตรวจของ จนท.ฯ เพื่อมิให้ถูกจับกุมได้ จึงได้รายงาน ให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น เรื่อยมา ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้สั่งการและกำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาดกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดดังกล่าว ต่อมา สายลับได้แจ้งให้กับ จนท.ฯชุดจับกุม ว่า มีกลุ่มของนายนายจะฟะ ฯ (ทราบชื่อภายหลังคือนายจะฟะ จะก่า ผู้ต้องหาที่ 1 ) ได้นำรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า หมายเลข ผม-699 เชียงใหม่ และรถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะในการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จำนวนมากจากพื้นที่ อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ จึงได้ร่วมกันออกตรวจสอบตามเส้นทางที่คาดว่ารถยนต์กระบะคันดังกล่าวจะใช้วิ่ง จนกระทั่งในเวลาประมาณ 00.40น. พบว่ารถยนต์กระบะคันดังกล่าว ได้วิ่งผ่านถนนมสายหลัก ต.สะลวง อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ สังเกตเห็นมีชายนั่งหลังกระบะมาด้วย 2 คน และมีรถจยย.ไม่ทราบชนิดและยี่ห้อ วิ่งนำทางมาโดยใช้ความเร็ว ซึ่งท่าทางทั้งหมดมีพิรุธน่าสงสัย และตรงตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ จึงได้ประสานไปยัง สภ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ ให้ทำการตั้งจุดสกัดกั้นชั่วคราวขึ้นที่ ตู้จราจรศรีบุญเรือง ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ โดยมี ร.ต.อ.กำจร วงศ์สุวรรณ รอง สวป.สภ.แม่ริม เป็นหัวหน้าผู้ควบคุมการปฏิบัติในการสกัดกั้น และมีกำลังของ จนท.ฯ บก.สส.ภ.5 ขับรถตามมาด้านท้าย จนเมื่อรถใกล้ถึงจุดสกัดกั้นดังกล่าว รถจยย.ฯ ทั้ง 2 คัน เห็นว่ามีจนท.ฯตั้งจุดสกัดชั่วคราวขึ้น จึงได้หักเลี้ยวและขับหลบหนีไปได้ ส่วนรถยนต์กระบะ ได้ถูก จนท.ฯเรียกให้หยุด เพื่อทำการตรวจสอบ ซึ่งภายหลังรถกระบะหยุด ทันใดนั้นปรากฏว่า ชาย 2 คนซึ่งนั่งอยู่หลังรถกระบะ ได้กระโดดลงจากรถและแยกย้ายกันวิ่งหลบหนี โดยสามารถควบคุมตัวชายคนแรกได้ทราบชื่อภายหลังคือนายสมพร จะลอ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ส่วนชายอีกคนซึ่งได้แยกย้ายวิ่งหลบหนีนั้น มี ร.ต.อ.ธนรัชต์ เส็งเรียบ รอง สวป.สภ.แม่ริม/ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.5 วิ่งไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด ซึ่งเมื่อเห็นจวนตัว ชายดังกล่าวได้ชักวัตถุสีดำเห็นว่าเป็นอาวุธปืน ออกมาจากเอวเล็งชี้มาทาง ร.ต.อ.ธนรัชต์ ฯ ลักษณะพร้อมที่จะยิงเพื่อเปิดทางหลบหนี ซึ่ง ร.ต.อ.ธนรัชต์ ฯ เพื่อป้องกันตัวจากอันตรายอันใกล้จะถึง และมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จึงได้ใช้อาวุธปืนพกยี่ห้อ GLOCK หมายเลขประจำอาวุธปืน กท 4915658 ยิงสวนไปจำนวน 2 นัด จนถูกชายดังกล่าวทรุดลงและมี จนท.ฯ คนอื่นวิ่งชาร์ทเข้ามาล๊อคตัวไว้ได้ทราบชื่อภายหลังคือนายวงศกร จะลา(ผู้ต้องหาที่ ๓) ส่วน จนท.ชุดที่เหลือ ได้ทำการควบคุมตัวนายจะฟะ จะก่า (ผู้ต้องหาที่ ๑) ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ไว้ได้ภายในรถยนต์ฯ ขณะนำทั้งหมดมาตรวจสอบที่กระบะหลังรถยนต์ฯ พบวัตถุใส่กระสอบจำนวน 2 กระสอบ วางอยู่หลังรถยนต์ฯ และรีบนำตัวนายวงศกร จะลา (ผู้ต้องหาที่ 3 นำส่ง โรงพยาบาลนครพิงค์ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเร่งด่วน จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาที่ ๑ และ ๒ มาร่วมกันเปิดกระสอบทั้ง ๒ กระสอบออกมาพบว่าเป็นยาเสพติด( ของกลางลำดับที่ ๑ ) ซึ่งในทันทีทันใดนั้น นายจะฟะ จะก่า (ผู้ต้องหาที่ ๑) และนายสมพร จะลอ(ผู้ต้องหาที่ ๒) ได้ให้การยอมรับว่ายาเสพติดดังกล่าวเป็นของพวกตนจริง โดยได้รับการว่าจ้างให้ลักลอบนำมาจากพื้นที่ อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งให้กับผู้ว่าจ้างในพื้นที่ อ.เมือง จว.เชียงใหม่ ได้ค่าจ้างรวม ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยได้ค่าจ้างมาแล้วบางส่วน และเมื่อเดินทางไปถึงตัวเมืองเชียงใหม่แล้ว ทางผู้ว่าจ้างถึงจะให้เบอร์โทรศัพท์ผู้ที่รับปลายทาง โดยร่วมกันทำในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 3 ครั้ง จากตรวจค้นภายในตัวของ ผตห.ที่ ๑ พบโทรศัพท์(ของกลางลำดับที่ 6) และพบเงินสด จำนวน 13,000 บาท (ของกลางลำดับที่ 4 ) จึงได้ตรวจยึดไว้ ตรวจค้นภายในตัวของ ผตห.ที่ ๒ พบ โทรศัพท์(ของกลางลำดับที่ 7) จึงได้ตรวจยึดไว้ และเมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า บริเวณที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ ๓ พบ อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน (ของกลางลำดับที่ 3และ4) ตกอยู่ และ จนท.ฯ ชุดที่นำตัว ผตห.ที่ 3 ส่ง โรงพยาบาล ตรวจพบ โทรศัพท์(ของกลางลำดับที่ 8 และ 9) ภายในกระเป๋ากางเกงของ ผตห.ที่ ๓
ซึ่งเมื่อปรากฏพยานหลักฐานพอสมควร เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันกับพวกที่หลบหนี มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายจริงจึงได้ทำการจับกุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิ์ของผู้ต้องหาทั้งหมดให้ทราบ จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด มาทำบันทึกจับกุมที่ สภ.แม่ริม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ทรงวุฒิ ทับทอง
Cr. วัตร บ้านเมือง