เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชุดเฉพาะกิจท่าเพชร พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เข้าตรวจยึดของกลาง เป็นอุปกรณ์และบุหรี่ไฟฟ้า บริเวณอาคารพานิชย์ เลขที่ 143/13 ถนนขุนทะเลซอยพิเศษ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยด้านหน้าร้านติดฟิลม์สีดำที่ประตูและกระจก ภายในร้านพบตัวบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ บรรจุใส่ตู้และแขวนโชว์พร้อมป้ายราคา พร้อมจำหน่ายจำนวนมาก และพบ นายฐัชธน ลิ่วสกุล อายุ 33 ปี ประชาชนในพื้นที่ถนน วัดโพธิ์-ในลึก เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี อยู่ภายในร้านสารภาพว่าเป็นลูกจ้างขายสินค้าเท่านั้น
ว่าที่ร้อยโท สมชาย เรืองจันทร์ ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า การสืบเนื่องในครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับข่าวจากสายลับว่ามีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์การสูบให้กับเยาวชนในพื้นที่ใกล้สถาบันระดับอุดมศึกษาถึง 2 แห่ง ทำให้เยาวชนเข้าถึงการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่อันตรายต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น จึงดำเนินกรติดต่อขอซื้อเพื่อนำไปสู่การจับกุมในที่สุด จากการปราบปรามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดและรัฐบาล พบว่าร้านนี้ถือเป็นแหล่งใหญ่ที่สุด ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
จากการสอบสวนผู้ขายเบื้องต้น สารภาพว่าขายมาประมาณ 1 เดือน มียอดจำหน่ายประมาณ 3-4 หมื่นบาทต่อวัน หรือประมาณ 1 ล้านบาทต่อเดือน โดยจะมีหน้าที่ขายและส่งยอดเงินให้กับเจ้าของร้าน นอกจากบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ยังพบว่ากัญชาจำนวนหนึ่ง โดยนายฐัชธน สารภาพว่ามีคนเอามาฝากให้ขายให้เช่นกัน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้กระทำผิดและของกลางไปทำบันทึกจับกุมที่ค่าย อส.สุราษฎร์ธานี ก่อนส่ง สภ.ขุนทะเล เพื่อสอบสวนสืบสวนขยายผลถึงเจ้าของกัญชาและบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดกัญชาในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ (1) ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากูไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ดังนั้น ผู้ใดขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาเติม มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่4) พ.ศ.2562 (2) นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า มีความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้บารากู่และบารากูไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 (3) ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า อันเป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรจะมีความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560
