ข่าวรอบรั้วภูธร ข่าวเด่น สถานที่ท่องเที่ยว เกาะสมุย

เกาะสมุยเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว ต้อนรับนักท่องเที่ยวบนเรือสำราญนับพันคน

19 ตุลาคม 67  บริเวณท่าเทียบเรือหน้าทอน เกาะสมุยได้เปิดจุดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนมากเป็นชาวสัญชาติอเมริกัน จากเรือสำราญ Princess cruises จำนวนกว่า 1,000 คน โดยมีหน่วยงานในพื้นที่ อาทิ อำเภอเกาะสมุย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เทศบาลนครเกาะสมุย ด่านศุลกากรเกาะสมุย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่าง ๆ


เรือสำราญลำนี้ เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ และได้แวะมาท่องเที่ยวชื่นชมทัศนียภาพบนเกาะสมุยเป็นจุดหมายแรก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเที่ยวเรือปฐมฤกษ์ เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการของเกาะสมุย โดยจะเดินทางไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรีในวันพรุ่งนี้ ต่อด้วยอีกหลากหลายประเทศ ได้แก่ เวียดนาม สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศไต้หวัน ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น กระทั่งจบทริปในเดือนมิถุนายน 2568
นายศิริศักดิ์ จิระชาญชัยศิริ ผู้จัดการแผนก Inbound บริษัท รีเกล อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวล จำกัด (Regale International Travel) กล่าวว่า “เกาะสมุย เป็นจุดหมายปลายทางที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม สำหรับ One day trip ในวันนี้ก็ได้แวะชมหลายจุด เช่น วัดพระใหญ่ วัดปลายแหลม หาดเฉวง ศาลเจ้ากวนอู ปางช้างหน้าเมือง เป็นต้น โดยทีมจากรีเกลฯ เป็นผู้สนับสนุนในด้านรถโดยสารปรับอากาศ (รถบัส) จำนวน 12 คันและไกด์นำเที่ยว ถึงแม้ว่าเกาะสมุยในปัจจุบันจะยังมีข้อจำกัดในด้านของไกด์ท้องถิ่นและมาตรฐานท่าเทียบเรือที่ยังไม่สามารถรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ได้ ทว่าก็ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในทิศทางที่ดี และผู้ประกอบการต่าง ๆ ก็ยินดีที่จะเดินไปด้วยกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศไทยเยอะขึ้น และพร้อมผลักดันเกาะสมุยให้กลายเป็นเมืองน่าเที่ยวอีกแห่งที่ดีไม่แพ้ที่ใดในโลก”


ด้าน นางสาวณอร สุวรรณธีระกิจ รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเกาะสมุย ก็ได้เปิดเผยว่า “การมาเยือนของเรือสำราญในครั้งนี้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยเป็นอย่างมาก จากการที่นักท่องเที่ยวมาใช้จ่ายบนเกาะราว ๆ หนึ่งพันคนซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินกว่าหลายล้านบาท ทั้งภายในในแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะและแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ เพราะนอกจากรถบัสแล้ว ก็ยังมีกลุ่มที่ท่องเที่ยวโดยเรือสปีดโบ้ทไปยังเกาะแตนและหมู่เกาะอ่างทอง รวมถึงนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่ต้องการท่องเที่ยวบนเกาะด้วยตนเอง ซึ่งถือเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนได้อีกทางหนึ่ง”