ผบช.ภ.5 แถลงจับกุม 5 คดีสำคัญ เชียงใหม่ – ลำพูน
เมื่อวันที่ 19 มี.ค.68 เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ชั้น 2 อาคารตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าวคดีสำคัญในพื้นที่ เชียงใหม่ 4 คดี ลำพูน 1 คดี โดยมีพล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, รองผบก.ภ.จว. ลำพูน ผกก.สภ.พื้นที่ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวในครั้งนี้ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ลักลอบจำหน่ายหัวบุหรี่ไฟฟ้า(พอตเค)ที่มียาเสพติดผสม สำหรับจำหน่ายให้กลุ่มวัยรุ่น จำนวนมาก ราคานับล้าน, PCT ภ.5 และ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ จับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ในพื้นที่ ภ.5, สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 5 ราย พยายามส่งออกช่อดอกกัญชาแห้งบรรจุสูญญากาศผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่, สภ.เหมืองจี้ จ.ลำพูน จับกุมผู้ต้องหาตระเวนงัดบ้าน ลักเซฟ-พระเครื่อง มูลค่านับล้าน และสืบภาค 5 จับกุมค้ามนุษย์ฯ ท้องที่ สภ.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 19 มี.ค.68 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจภูพิงคราชนิเวศน์ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานศุลกากรภาคที่ 3 ศูนย์ปราบปรามยาเสพติดภาคเหนือ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ การท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้แถลงข่าวการสกัดจับชาวต่างชาติลักลอบขนกัญชาออกนอกประเทศ จำนวน 5 รายของกลางกว่า 120 กิโลกรัม
โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ร่วมกันตรวจค้นเข้มงวดที่ จุดตรวจค้นสัมภาระประจำขาออกระหว่างประเทศ ภายในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.68 เวลาประมาณ 15.15 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ ชาย สัญชาติ อังกฤษ อายุ 26 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่ จะไปประเทศสิงคโปร์ และต่อเครื่องไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 22 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 23.4 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 234,000 บาท
รายที่ 2 เมื่อวันที่ 17 มี.ค.68 เวลาประมาณ 16.30 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ ชาย สัญชาติ อังกฤษ อายุ 53 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่ จะไปสิงคโปร์ และต่อเครื่องไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 22 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 23.4 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 234,000 บาท
รายที่ 3 วันที่ 17 มี.ค.68 เวลาประมาณ 16.40 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ หญิง สัญชาติ อเมริกัน อายุ 28 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่ไปลงสิงคโปร์ และต่อเครื่องไปประเทศเบลเยี่ยม พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 22 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 23.7 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 237,000 บาท
รายที่ 4 วันที่ 17 มี.ค.68 เวลาประมาณ 16.40 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ หญิง สัญชาติ อเมริกัน อายุ 20 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่ ต่อเครื่องไป สิงคโปร์ เพื่อไปลงยังเมือง Brussel ประเทศเบลเยี่ยม พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 19 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 20.8 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 208,000 บบาท และรายที่ 5 วันที่ 17 มี.ค.68 เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 คน เพศ ชาย สัญชาติ อังกฤษ อายุ 32 ปี เดินทางจาก เชียงใหม่ จะไปฮ่องกง เพื่อต่อเครื่องไปยังประเทศอังกฤษ พบมีการพยายามลักลอบขนช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศ โดยใส่ในกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ซึ่งช่อดอกกัญชาถูกบรรจุเป็นแพคในถุงพลาสติกใส จำนวน 44 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 28.6 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 286,000 บาท รวมช่อดอกกัญชา ที่ตรวจยึดได้ น้ำหนักประมาณ 119.9 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,199,000 บาท
พล.ต.ท.กฤตธราพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เปิดเผยทั้งหมดนั้นเป็นเครือข่ายเดี่ยวกัน มีคนว่าจ้างกลุ่มเดี่ยวกันที่จะขนกัญชาไปประเทศอังกฤษ เบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยช่วยกันป้องกันเพื่อสกัดจับตรวจยึด พร้อมกับเฝ้าสังเกตพฤติกรรมที่อาจมีการลักลอบนำช่อดอกกัญชาออกนอกประเทศอีก
คดีที่ 2 บุกทลายแหล่งขายบุหรี่ไฟฟ้าผสมเค – ยาไอซ์ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว. เชียงใหม่ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ผลิต จำหน่าย หัวบุหรี่ไฟฟ้า พอตเค พอตไอซ์
โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายวรัญญู หรือก็อต สงวนนามสกุล อายุ 18 ปี ภูมิลำเนา จ.ขอนแก่น
โดยจับกุมได้ ภายในร้านคิงโพดำ ถ.ศิริธร ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง หัวบุหรี่ไฟฟ้า “พอตเค” บรรจุน้ำยา จำนวน 35 ชิ้น, ยาอี จำนวน 3 เม็ด จับกุมนายธีรยุทธหรือบอส สงวนนามสกุล อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา จ.เชียงใหม่ จับกุมได้ภายในห้องพักภายในหอพักย่านสันติธรรม ถ.เวียงบัว ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ของกลาง หัวบุหรี่ไฟฟ้า“พอตเค” บรรจุน้ำยา จำนวน 493 ชิ้น , สารตั้งต้นสร้างความมึนเมาให้กับบุหรี่ไฟฟ้า
เอโทมีเดท (Etomidate) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 64.09 กรัม และของกลางอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีฐานความผิดฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการที่ 24/2567 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 เรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือห้ามให้บริการ สิน้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 29/9 วรรคสอง ตามมาตรา 56/4 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของที่มีได้ผ่านพิธีทางศุลกากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ม.246 และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก ร่วมกับ สภ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสืบสวนหาผู้ผลิต จำหน่าย บุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ในพื้นที่ พบการลักลอบจำหน่ายหัวบุหรี่ไฟฟ้า “พอตเค” จนทราบตัวผู้ลักลอบขาย จึงวางแผนปฏิบัติการล่อซื้อ และสามารถจับกุมตัวผู้ขายได้คือ นายวรัญญูหรือก็อต สงวนนามสกุลที่ร้านคิงโพธิ์ดำ พร้อมของกลางเป็นหัวบุหรี่ไฟฟ้า“พอตเค”บรรจุน้ำยา จำนวน 35 ชิ้น, ยาอี 3 เม็ด และของกลางอื่นที่เกี่ยวข้องจากการซักถามขยายผลทราบว่า นายวรัญญูหรือก็อต ซื้อหัวบุหรี่ไฟฟ้า“พอตเค” มาจากผู้ผลิตหัวบุหรี่ไฟฟ้า “พอตเค” ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทราบชื่อว่า นายธีรยุทธหรือบอส สงวนนามสกุล จึงได้สืบสวนติดตามต่อเนื่องโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอำพรางตัวเป็นลูกค้าของ นายธีรยุทธหรือบอสติดต่อขอซื้อพร้อมเข้าจับกุม นายธีรยุทธหรือบอส ได้ที่ห้องพักภายในหอพักย่านสันติธรรม ถ.เวียงบัว ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตรวจยึดของกลางเป็น หัวบุหรี่ไฟฟ้า “พอตเค” จำนวน 493 ชิ้น, สารตั้งต้น สร้างความมึนเมาให้กับบุหรี่ไฟฟ้าเอโทมีเดท(Etomidate) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 64.09 กรัม (ตามคำให้การของนายธีรยุทธฯ),เครื่องสูบบุหรี่ฟ้าแบบเปลี่ยนหัวได้ , อุปกรณ์การผลิตฯ ,ซองแพคเพื่อจำหน่าย และของกลางอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก
คดีที่ 3 ชุดสืบสวนภาค 5 จับกุมตัว น.ส.รัตนาพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี บ้านอยู่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง จำนวน 5 ชิ้นหัวเติมบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง จำนวน 14 ชิ้นเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า (แบบพร้อมหัวสูบ) จำนวน 1 ชิ้นโทรศัพท์ยี่ห้อ Apple รุ่น IPhone 14 Pro Max สีม่วง จำนวน 1 เครื่อง การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Tai Tan มีพฤติการณ์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊ก และไลน์กลุ่มของตัวเองทางเจ้าหน้าที่จึงทำการล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว และจับกุมไว้ได้ทีมเชีบงใหม่.
คดีที่ 4 แถลงผลการจับกุม ลักทรัพย์ในเคหะสถาน” สภ.เหมืองจี้ จ.ลำพูน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ. 5, พล.ต.ต.บุณยวัด เกิดกล่ำ ผบก.ภ.จว.ลำพูน พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.6. พล.ต.ต.พงษ์เดช คำใจสู้ ผบก.ภ.จว.แพร่, พ.ต.อ.วชิระ กาญจนวิภาตา รอง ผบก.ภ.จว.ลำพูน,พ.ต.อ. พชรพล วงศ์รจิต รอง ผบก.ภ.จว.ลำพูน, ชุดจับกุม นำโดย เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.ลำพูน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เหมืองจี้ จว.ลำพูนจับกุมตัว นายศักดิ์ชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี อยู่ที่ ต.บ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่ พร้อมตรวจยึดของกลาง พระเครื่องเลี่ยมทอง หลายรายการ มูลค่าประมาณ 5 ล้านเจ็ดแสนบาท,สร้อยคอทองคำจำนวน 2 เส้น มูลค่าประมาณ 400,000 บาท, นาฬิกา 2 เรือน มูลค่าประมาณ 100,000 บาท และตู้เซฟขนาดเล็ก มูลค่าประมาณ 3,000 บาท
พฤติการณ์ในการจับกุม สืบเนื่องเมื่อวันที่ 4 มี.ค.68 เวลาประมาณ 15.00 น. เกิดเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ สภ.เหมืองจี้ จ.ลำพูน โดย คนร้ายเป็นชาย จำนวน 1 คนลักษณะผอมสูง ส่วนสูงประมาณ 170 ชม. การแต่งกายสวม กางเกงขายาว (คล้ายกางเกงยืน) สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน (ทึบ), สวมถุงมือสีน้ำตาลทั้งสองข้าง และสวมหมวกแบบผ้า คลุมปกปิดใบหน้าและศีรษะ มองเห็นแต่ดวงตา ได้เข้ามาลักทรัพย์ในบ้านเลขที่ 168 ม.4 (บ้านรั้ว-บ้านทุ่ง) ต.หนอง หนาม อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ทรัพย์สินที่ได้ไปประกอบด้วยเงินสดจำนวนหนึ่ง และพระเครื่องเลี่ยมทองจำนวนหลาย รายการ และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการหลบหนี ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านหลังที่เกิดเหตุ บันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.ภ.5ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ลำพูนและ ชุดสืบสวน สภ.เหมืองจี้ หาพยานหลักฐานสิ่งแวดล้อม และได้ ติดตามไล่กล้อง CCtv ตามเส้นทางทั้งขามาและขาหลบหนี จนพบผู้ต้องสงสัย ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อYAMAHA และได้สืบค้นข้อมูลพบว่า รถคันดังกล่าวเป็นของ นางสาวมณีรัตน์ สุนาวงษ์ ซึ่งเป็นบุตรสาว ของนายศักดิ์ชัย สุนาวงษ์ และได้ทำการสืบค้น ประวัติ ข้อมูลคดี พบว่านายศักดิ์ชัยฯ พบว่าเคย ถูกจับดำเนินคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ในข้อหา “ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” ทั้ง 2 คดี โดยคดีที่หนึ่งได้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ในพื้นที่ สภ.วัดโบสถ์ จว.พิษณุโลก คดีที่สองได้ก่อ เหตุ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ในพื้นที่ อ.เวียงสา จว.น่าน และพึ่งพันโทษออกมาเมื่อ 11 กันยายน 2567 ซึ่ง พฤติการณ์การก่อเหตุ แผนประทุษกรรมเหมือนกันกับการก่อเหตุในครั้งนี้ประกอบกับตำหนิรูปพรรณของคนร้ายและ ดวงตาของคนร้ายตรงกับดวงตาของ นายศักดิ์ชัย ฯ จึงคาดว่าน่าจะเป็น ผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ จึงได้ทำการสืบสวน ติดตาม จนพิสูจน์ทราบว่า นายศักดิ์ชัยฯ พักอาศัยอยู่ที่ สวนยาง ไม่มีเลขที่ ต.บ้านปืน อ.ลอง จว.แพร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส. 1.บก.สส.ภ.5. กก.สส.ภ.จว.ลำพูน, สภ.เหมืองจี้ และ สภ.ลอง ได้ติดตามจนพบ นายศักดิ์ชัยฯและได้สอบถามนายศักดิ์ ชัยฯให้การยอมรับว่าตนได้ก่อเหตุครั้งนี้จริง และได้พาไปตรวจยึดทรัพย์สินที่ซุกซ่อนไว้ที่บ้าน พร้อมกับ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.สส. ภ.จว.ลำพูน อีกชุดหนึ่งได้ดำเนินการไปขอหมายจับ ชายที่ปรากฏตามภาพถ่าย ศาลจังหวัดลำพูน ได้ อนุมัติหมายจับ ที่ 140/2568 ชายไทยปรากฏตามภาพถ่าย “ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ใน เคหสถาน เดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็น ทางคนเข้า โดยกระทำด้วยประการอื่นใดเพื่อไม่ให้เห็น จำหน้าได้และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป และได้นำหมายจับเข้าทำการจับกุม นายศักดิ์ชัยฯ บ้านเลขที่ 88 หมู่ที่ 7ต.บ้านปิน อ.ลอง จว.แพร่ พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นทรัพย์สินที่ขโมย มาในคดีนี้และทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำผิดอีกหลายรายการ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่านายศักดิ์ชัยฯได้ก่อเหตุในพื้นที่ สภ.เหมืองจี้ จำนวน 3 ครั้ง สภ.ทากาศ จำนวน 3 ครั้ง และ สภ.ลี้ อีก 1 ครั้ง
ด้วยในการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ใช้ความพยายามในการติดตามคนร้ายเป็น อย่างยิ่งเนื่องจากคนร้ายที่มาก่อเหตุมีบ้านไกลจากบ้านที่ก่อเหตุประมาณ 150 กิโลเมตร และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ โดยได้ใช้เวลาในการสืบสวนจนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้หลังจากเกิดเหตุเป็นเวลา 7 วัน และฝากขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนหากมีผู้เสียหายท่านใดคาดว่าถูกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุสามารถมาดูและชี้ ยืนยัน ทรัพย์สินของตน ได้ที่ สภ.เหมืองจี้ จ.ลำพูน.
คดีที่ 5 สืบภาค 5 จับกุมค้ามนุษย์ฯ ท้องที่ สภ.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และ สถานีตำรวจภูธรแม่แฝก เจ้าพนักงานตำรวจชุดปฏิบัติการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมผู้ต้องหา ในความผิดฐาน ค้ามนุษย์ฯ และส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด และตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
ด้วยเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ ศตคม.ภ.5/กก.3 บก.สส.ภ.5 และ ภ.จว.เชียงใหม่ โดย กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่/สภ.แม่แฝก จว.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่, บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่, สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันจับกุมตัว นางสาวพุทธชาติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา ในฐานความผิด “ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด (ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ม. 26 (3) ประกอบ ม.78) และตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต (ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 ม.4(ข) ประกอบ ม.26)” โดยจับกุมได้ที่ ร้านมังกรทอง คาราโอเกะ เลขที่ 156 ม.1 ต.แม่แฝกใหม่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
ขณะเข้าจับกุมมีผู้ใช้บริการภายในร้าน จำนวน 2 โต๊ะ และพบเด็กผู้หญิงนั่งให้บริการลูกค้า จำนวน 3 คน ตรวจสอบแล้วพิสูจน์ชื่อและอายุ ของเด็กผู้หญิงที่ให้บริการ พบอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน และต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 1 คน
1. ด.ญ. เอช อายุ 14 ปี 7 เดือน ภูมิลำเนา จังหวัดเชียงใหม่, 2. น.ส. เอฟ อายุ 16 ปี 3 เดือน ภูมิลำเนา จังหวัดเชียงใหม่, 3. น.ส. อาร์ อายุ 16 ปี 6 เดือน ภูมิลำเนา จังหวัดเชียงใหม่ ทีมสหวิชาชีพ ได้คัดกรองเบื้องต้นตามกลไกการส่งต่อระดับชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (NRM) น่าเชื่อว่าเด็กทั้งสามน่าจะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงได้ส่งตัวเข้ารับการคุ้มครองที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่
จากการขยายผล นางสาวพุทธชาติฯ ผู้ต้องหา มีพฤติการณ์โฆษณาจ้างงานและว่าจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อให้มาทำงานในลักษณะนั่งให้บริการกับลูกค้า ในร้านคาราโอเกะของตนเอง โดยเด็กหญิงทั้งสาม ถูกสั่งให้ทำงานในลักษณะคอยบริการปรนเปรอลูกค้าที่มาใช้บริการ ถูกลูกค้ากอดหอมลูบคลำ ให้แต่งกายลักษณะเซ็กซี่ วาบหวิว เปิดเผยรูปร่าง เป็นการยั่วยุทางเพศ ให้เด็กต้องแต่งหน้าตาเสริมความงามโดยมีการขายเครื่องสำอางค์เสริมความงามให้เด็กพนักงาน โดยผู้ต้องหาหวังผลประโยชน์ จากการที่ เด็กทั้งสามคนทำงานในลักษณะดังกล่าว
ซึ่งหากเด็กไปนั่งบริการลูกค้าทางร้านจะคิดหักรายได้ ครึ่งหนึ่งจากการที่เด็กทำงานนั่งบริการดังกล่าวจากการคัดแยกกลุ่มผู้เสียหายดังกล่าว ทีมสหวิชาชีพและองค์กรภาคเอกชน มูลนิธิโซเออินเตอร์เนชั่นแนล, มูลนิธิ Exodus Rode ได้ร่วมกันคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหามีลักษณะแสวงหาประโยชน์จากการให้เด็กสาวอายุต่ำกว่า 15 ปี และ 18 ปี ให้บริการในร้านคาราโอเกะบริการลูกค้า สามารถกอดจูบลูบคลำได้ จึงมีมติร่วมกันว่าเด็กสาวทั้งสามเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์รูปแบบแสวงหาประโยชน์ทางเพศรูปแบบอื่น จึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม นางสาวพุทธชาติฯ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ในความผิดฐาน “ค้ามนุษย์”
ตำรวจภูธรภาค 5 ขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนให้พี่น้องประชาชนทราบ ตาม นโยบายของรัฐบาลในการเร่งปราบปราบปัญหาการค้ามนุษย์ ประกอบกับการที่ประเทศไทยเป็นชาติสมาชิกที่ร่วมลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เราได้มีความจริงจังที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามหลักสากลว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิเด็กดังกล่าว โดยเด็กจะได้รับการรับรองและคุ้มครองตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ดังนั้นให้ผู้ที่คิดจะล่อลวงหญิงสาวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในรูปแบบอื่นใด จากการให้นั่งบริการกับลูกค้าลักษณะมีการกระทำอนาจารต่อเด็ก อันอาจจะเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 เป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง และเป็นการยุยงส่งเสริมเด็กไปในทางมิชอบ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ฝากเตือนกลุ่มผู้ชายนักเที่ยว ที่มีรสนิยมชอบติดต่อ, เรียกใช้บริการ หรือเที่ยวร้านคาราโอเกะลักษณะห้องปิด กับเด็กอายุยังไม่เกิน 18 ปี มานั่งบริการลักษณะกอด จูบ ลูบ คลำ การกระทำดังกล่าวมีโทษตามกฎหมายอาญาที่สูง โดยเฉพาะเด็กที่อายุไม่เกิน 15 ปี ถือเป็นการกระทำลักษณะลามกอนาจารเด็ก และยังเป็นความผิดต่อบิดามารดา ผู้ปกครองของเด็กนั้นอีกด้วย
เตือนกลุ่มร้านค้า ร้านอาหาร ลักษณะมีการให้พนักงานผู้หญิงสามารถนั่งให้บริการต่อลูกค้าได้ โดยสามารถแตะเนื้อต้องตัวพนักงานได้ หากพบมีการจ้างเด็กทำงานอายุยังไม่เกิน 18 ปีนั้น ถือเป็นการกระทำลักษณะการยุยงส่งเสริมเด็กไปในทางมิชอบ และหากมีการใช้เด็กทำงานลักษณะมีผลประโยชน์ส่วนแบ่งจากการที่เด็กทำงานลักษณะดังกล่าว จะเป็นการเสี่ยงกระทำความผิดฐาน ค้ามนุษย์ (ตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบสองปี และปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงหนึ่งล้านสองแสนบาท ถ้ากระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกแสนบาทถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท ถ้ากระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีหรือผู้มีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่แปดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดแสนบาทถึงสองล้านบาท
และฝากเตือนผู้ปกครองเฝ้าระมัดระวังบุตรหลานมิให้เข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนดังกล่าวมักมาจากครอบครัวที่แตกแยก หรือมีความยากจนขัดสน หรือไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่ ปล่อยให้เด็กหรือเยาวชนไปเที่ยวหรือพักอาศัยอยู่กับเพื่อนเป็นเวลานานๆ ซึ่งมักจะถูกหลอกลวงชักจูงได้ง่าย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 กล่าวในตอนท้าย.