ที่ศาลาประชาคม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขาสายที่3 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กับ ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จำนวนได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ระงับการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขาในสายที่3 และดำเนินการก่อสร้างในสายที่4 ซึ่งไม่มีผู้อาศัยเลย
โดยการการของบประมาณในการศึกษาฯ ครั้งนั้น เกิดขึ้นจาก ครม.สัญจร ที่ จ.ภูเก็ต เมื่อปี 2563 ซึ่งกรมทาางหลวงชนบท ได้เสนอให้ทำการศึกษาเพื่อก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขาเลียบคลองบางม่วง(เส้น 4 ปัจจุบัน) แต่เมื่อ ครม.อนุมัติงบประมาณ กว่า 14 ล้านบาทเพื่อทำการศึกษา กลับพบว่า ในวันปฐมนิเทศโครงการ บริษัทที่ปรึกษาได้เสนอเส้นทางเหมาะสมเพียง 3 เส้นทาง และตัดสายเลียบคลองบางม่วงออก ชาวบ้านจึงได้เสนอเส้นทางเลียบคลองบางม่วงในที่ประชุม เพื่อให้บริษัทที่ปรึกษานำไปร่วมพิจารณาอีกครั้ง และกลายเป็นสายที่4 ในการประชุมครั้งต่อๆไป กระทั่ง ครั้งสุดท้ายบริษัทที่ปรึกษา ได้มีการสรุปว่า สายที่3 เป็นสายที่มีความคุ้มทุนมากที่สุด ชาวบ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จำนวน 98 ครัวเรือน ที่ต้องโดนเวนคืนและย้ายออกไปจากที่ดิน รวมถุงชาวประมงที่ใช้ลำคลองดังกล่าวในการเข้าออก ได้ตั้งข้อสังเกตุถึงเกณฑ์การให้คะแนน และรูปแบบการก่อสร้าง ทั้งที่มีทางเลือกอื่นที่ส่งผละกระทบต่อประชาชนน้อยกว่า และมีเส้นทางที่สั้นกว่า กลับได้คะแนนน้อยกว่า จึงได้คัดค้านการก่อสร้างในเส้นที่3 มาโดยตลอด และมีมติร่วมกันกับจังหวัดพังงา ว่าควรสร้างสะพานในเส้นทางที่4 กระทั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้ตั้งคณะกรรมการเวนคืน เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการก่อสร้างสะพานในสายที่4 และ สายที่3 ทำให้ชาวบ้านเกิดความกังวลว่าจะมีการก่อสร้างในสายที่3 ต่อไป จนต้องรวมตัวกันยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านผลการศึกษาในเส้นทางที่ 3 และก่อสร้างในเส้นทางที่4 อีกครั้ง
ขณะที่ นางสาวอัญชนา โหล่เหลี่ยน ตัวแทนชาวบ้าน 98 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขา กล่าวว่า ชาวบ้านได้ใช้เวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา พยายามยื่นหนังสือเพื่อขอเปลี่ยนเส้นทาง รวมทั้งทำการคัดค้านกระบวนการศึกษาที่มีวิธีการไม่ถูกต้องและไม่ได้มีการรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึงตามรัฐธรรมนูญ โดยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ รวมถึงรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาได้ทำหนังสือถึงจังหวัดพังงาเพื่อให้ขับเคลื่อนในการก่อสร้างสะพานในเส้นทางที่4 กระทั่งจังหวัดพังงาได้ตั้งคณะกรรมการเวนคืนที่ดินขึ้น ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าฝันร้ายกลับมาอีกครั้งจึงเป็นเหตุให้ตัองเรียกร้อง ซึ่งหากถามถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านน้ำเค็มนั้นคือ ร่องน้ำสำหรับเรือประมง ส่วนสะพานสำหรับเกาะคอเขานั้นมีเส้นทางอื่นที่ไม่กระทบชาวบ้าน
ด้านนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อเป็นการพูดคุยทำความเข้าใจระหว่างส่วนราชการและกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ 98 ครัวเรือน จากการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขาสายที่3 โดยมีข้อสรุปร่วมกันว่าจะระงับการดำเนินการสายที่3 และจะดำเนินการของบศึกษาในเส้นที่4 ต่อการประชุม ครม.สัญจร ในคราวที่จะถึงนี้
ส่วนความกังวลในความล่าช้าของโครงการนั้น อาจมีในเรื่องของการเริ่มต้นใหม่ในส่วนของ กระทรวงทรัพฯ โยธาธิการและผังเมือง หรือแขวงทางหลวงฯ แต่อย่างไรก็ดีจะเร่งผลักดันให้โครงการให้เกิดได้เร็วที่สุด
ส่วนประเด็นที่ตัองมีการตั้งคณะกรรมการเวนคืนที่ดินนั้น เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการประกอบการศึกษาการก่อสร้างในเส้นทางที่4 ต่อไป