บุรีรัมย์-ทนายชี้น้ำข้าวหมากไม่ผิด เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นน่าจะตักเตือนมากกว่าปรับ
อดีตสภาทนายความบุรีรัมย์ ระบุกรณียายขายข้าวหมากโดนปรับ 5 หมื่น ส่วนตัวคิดว่าไม่มีความผิดหากพิสูจน์ว่าเป็นน้ำข้าวหมาก เพราะเป็นผลผลิตของข้าวหมาก ควรจะพิสูจน์ก่อนว่าเป็นน้ำสาโทหรือข้าวหมาก การปรับยายถึง 1 หมื่นรุนแรงเกินไป ควรจะตักเตือนมากกว่าเพราะเป็นชาวบ้านระดับรากหญ้า
วันนี้ 17 ส.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนางเสน่ห์ ป่วงรัมย์ อายุ 60 ปี ถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิตบุรีรัมย์ เข้าจับกุมบริเวณตลาดนัดคลองถมสี่แยกกระสัง อ.เมืองบุรีรัมย์ ในข้อหาจำหน่ายเหล้าสาโท โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมเรียกค่าปรับสูงถึง5หมื่นบาท และมีการต่อรองค่าปรับลดลงเหลือ3 หมื่นบาทและลดลงเหลือแค่ 1 หมื่นบาทเพื่อแลกกับการปล่อยตัว จนโลกออนไลน์ต่างออกมาวิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดนายพลกฤต เนาว์ประโคน อดีตประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุเรื่องนี้ว่า กรณียายขายข้าวหมากที่เป็นข่าวมุมของตนคิดว่ามีการจับปรับเร็วเกินไป ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นน้ำข้าวหมากหรือสาโท ซึ่งจากข้อมูลที่พบข้าวหมากถือว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่น้ำข้าวหมาก ซึ่งเป็นผลผลิตต่อยอดจากข้าวหมาก ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ผิดเช่นเดียวกัน เพราะหัวเชื้อการทำข้าวหมากและสาโทเป็นคนละชนิดกัน
เหตุการณ์ครั้งนี้ตนมีข้อผิดสังเกตหลายอย่าง เช่นการตั้งข้อหาเพื่อเปรียบเทียบปรับ มีการต่อรองราคากันได้จาก 50,000 ลดเหลือ 10,000 ไม่มีการพิสูจน์ว่าน้ำที่จับมาเป็นน้ำข้าวหมากหรือน้ำสาโท และน่าจะมีการว่ากล่าวตักเตือนก่อนเหมือน พรบ.จรจร เพราะผู้ถูกกล่าวหามีการตั้งขายเปิดเผยเพราะคิดว่าเป็นอาหารมาจากภูมิปัญญาพื้นบ้าน ถ้ายายขายข้าวหมากยืนยันว่าตนเองขายข้าวหมากจริง ยายก็สามารถแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ได้
/////////////
ภาพ / ข่าว ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง / วันชัย ผิวอร่าม จ.บุรีรัมย์