แพทย์ทหาร เตือน อากาศร้อน ระมัดระวัง เรื่องการรับประทานอาหาร “อาจเสี่ยงป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ”
จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในช่วงนี้อากาศเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน อาจทำให้อาหารบูดเสียได้ง่าย ประกอบกับมีการรวมตัวของผู้คนในช่วงวันหยุดของเทศกาล มีการรับประทานอาหารร่วมกัน ทานอาหารสุกๆ ดิบๆ และอาหารมีกลิ่นผิดปกติ อาจเสี่ยงทำให้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษและเกิดการระบาด เป็นกลุ่มก้อนของโรคได้
สำหรับกลุ่มอาหารที่ต้องระวังเป็นพิเศษ จำพวก 1) อาหารที่สุกๆดิบๆ เช่น ก้อย/ลาบดิบ ยำ ส้มตำ อาหารทะเลเป็นดิบ 2) อาหาร หรือขนมที่มีส่วนประกอบของกะทิ เช่น ขนมจีนน้ำยากะทิ แกงเขียวหวาน 3) อาหารที่ใช้มือสัมผัสในการปรุง เช่น ข้าวมันไก่ 4) น้ำแข็ง หรือน้ำที่ไม่สะอาด 5) อาหารค้างมื้อปรุงแล้ว อยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนเกิน 2 ชั่วโมง และ 6) อาหารเป็นพิษ จากพิษของเห็ดพิษ และไข่แมงดาทะเล จากแมงดาถ้วย
ลักษณะของอาการ และการดูแลเบื้องต้น โรคอาหารเป็นพิษ ส่วนใหญ่อาการจะเกิดขึ้นใน 8-12 ชั่วโมง หลังรับประทานอาหาร ได้แก่ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน อาจจะมีไข้และอาการปวดหัวร่วมด้วย การดูแลเบื้องต้น สามารถซื้อยาที่ร้านขายยาเพื่อดูแลตัวเองเบื้องต้น สารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) โดยให้จิบ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำรับประทานอาหารอ่อนรักษา ตามอาการหากมีไข้ให้ทานยาลดไข้พาราเซตามอล ยาผงถ่านลดอาการแน่นท้องและทำให้อุจจาระเหลวน้อยลง กลุ่มยาแก้คลื่นไส้อาเจียน กลุ่มยาบรรเทาอาการปวดเกร็งในช่องท้อง และห้ามกินยาหยุดถ่ายเนื่องจากในกรณีที่อาหารเป็นพิษจากการติดเชื้อจะทำให้ร่างกายไม่สามารถขับเชื้อออกไปกับอุจจาระได้ ส่วนรายที่มีอาการรุนแรงถ่ายอุจจาระมาก อาเจียนรุนแรงอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรง ส่งผลให้มีความดันต่ำ ควรให้รีบไปพบแพทย์ทันที
วิธีการป้องกันตนเองโรคอาหารเป็นพิษ ขอแนะนำให้ประชาชนยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” โดยให้รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ เลือกบริโภคน้ำดื่ม และน้ำแข็งที่สะอาด อ่านฉลากอาหารดูวันหมดอายุทุกครั้งก่อนรับประทาน หากอาหารหรือเครื่องดื่มมีกลิ่นรส รูปที่เปลี่ยนไป หรืออาหารที่ถูกวางทิ้งไว้เกิน 2 ชั่วโมง ในสภาพอากาศในตอนกลางวันค่อนข้างร้อน มีแมลงวันตอมไม่ควรรับประทานต่อควรใช้ช้อนกลางส่วนตัวในการรับประทานอาหารกับผู้อื่น ล้างมือทุกครั้งด้วยน้ำและสบู่ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
ในการนี้ พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 และคณะแพทย์ทหาร มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 รวมทั้งพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งหากมีอาการเจ็บป่วยดังกล่าว ขอให้รีบไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว
จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 3 โดย โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤตทุกโอกาส.