จัดงานปีใหม่ กะเหรี่ยงโลกครั้งนี้ที่ 1 อำเภออมก๋อยเชียงใหม่ ประกวดนางงาม มวยดังช่อง 7 สี โดยมีกะเหรี่ยง 17 จังหวัดไทย และจาก ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ร่วมงานนับแสนคน
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 ที่ชั้น 4 ห้องแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ สจ.ลอยพอ สุริยบุปผา สมาชิกสภาจังหวัดเชียงใหม่ เขตอำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ และในฐานะประธานจัดการปีใหม่ กะเหรี่ยงโลกครั้งที่ 1 เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 26-27 ธันวาคม 62 ที่จะถึงนี้ ชาติพันธ์ชนเผ่ากะเหรี่ยงในประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมปีใหม่โลกครั้งที่ 1 ขึ้น ณ หมู่บ้านแม่ต๋อม ต.อมก๋อย อ.ก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยมีชนเผ่ากะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จำนวน 17 จังหวัด และต่างประเทศ ทั้งทวีป เอเชีย ยุโรป อเมริกา ออสเตรีย และแทบอเมริกาเหนือ เข้าร่วมงานกว่า 14 ประเทศ จำนวนผู้ร่วมงานในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 70,000 -100,000 คน กิจกรรมภายในงานเย็นวันที่ 26 ธันวาคม 62 เป็นพิธีเปิดทางสากล โดยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน คืนวันดังกล่าวได้มีรายการมวยดังระดับแนวหน้าของไทย จากช่อง 7 สี ซึ่งเป็นเชื่อสายกะเหรี่ยงโดยตรง จำนวน 7-10 คู่ นอกจากนั้น ยังมีเวทีด้านนักร้องนักดนตรี มีการนักร้องชื่อดังเช่นอนันต์ ไมค์ทองคำ และศิลปินอื่นขึ้นสลับร้องเพลงเพื่อสร้างความบันเทิงแก่ผู้มาร่วมงาน
คืนวันที่ 27 ธันวาคม 62 เป็นพิธีเปิดแบบประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมของชนเผ่ากะเหรี่ยง ก่อนพิธีเปิดมีการรำตง ซึ่งให้นักแสดงมากถึง 1,000 ชีวิต เพื่อนต้อนรับแขกผู้มีเกียรติในงานปีใหม่กะเหรี่ยงในครั้งนี้ จากนั้นมีการประกวดสาวงามที่เป็นเชื้อสายกะเหรี่ยงเท่านั้น นางงามที่ชนะเลิศได้รับมงกุฎพร้อมเงินสด 100,000 บาท อันดับสองสายสะพายกับเงินสด 70,000 บาทและอันดับ 3 เงินสด 50,000 บาทตามระดับ นอกจากนั้นในงานนิทรรศการ การแสดงวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ของชนเผ่ากะเหรี่ยงในด้านต่าง ๆ จึงขอเชิญชวนพี่ชาวไทยทุกกลุ่มทุกชนเผ่าตลอดจนนักเที่ยว ไปร่วมเที่ยวชมงานปีใหม่กะเหรี่ยงโลกครั้งที่ 1 ด้วย
วัตถุประสงค์ในการจัดงานปีใหม่ครั้งนี้เพื่อให้มีการรำลึกถึงประเพณีอันดีงามที่มีการสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเคารพ นับถือสิ่งสร้างธรรมชาติ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่พวกเรานับถือ ขณะเดียวกันเป็นการสร้างสรรค์ความสามัคคี การสร้างความเข้าใจ ในกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยกัน ตลอดจนกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่อยู่ในสังคมด้วยกันอย่างสงบสุข ปีใหม่ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในราวปลายเดือนธันวาคม หรือ ต้นเดือนมกราคม ของทุกปี โดยจะยึดถือหลักปฏิทินดั้งเดิม อาศัยการดูเวลา ข้างขึ้น ข้างแรม ซึ่งแต่ละปีจะแตกต่างกันไป แต่ระยะเวลาห่างกันไม่มากนัก พิธีกรรมจะมีการเลี้ยง (ผี) หรือ เจ้าที่ เจ้าทาง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่นับถือกัน โดยจะมีผู้นำทางฝ่ายจิตวิญญาณ ของหมู่บ้านเป็นผู้ประกอบพิธี ส่วนผู้ที่นับถือศาสนาอื่น เช่น พุทธ คริสต์ อิสลาม จะประยุกต์ใช้กันไปตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ สภาพแวดล้อม ของสังคมนั้น ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล หรือแต่ละกลุ่มนั้น ๆ โดยพิธีกรรมดั้งเดิมจะมีการผูกข้อมือให้กับคนในหมู่บ้าน จากนั้นผู้นำจิตวิญญาณ จะนำเหล้ามาเซ่นไหว้ เจ้าที่ เจ้าทาง หรือ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด) เพื่อให้ช่วยปกป้องรักษาหมู่บ้าน ลูกบ้าน อวยพรให้ทุกคนในหมู่บ้านมีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ปลอดภัยจากภัยตรายต่าง ๆ ตลอดจนการมีทรัพย์สินเงินทอง สามารถปลูกพืชผลนานาพันธุ์เจริญมีความเจริญงอกงาม และการมีชีวิตที่อยู่ดีกินดีโดยทั่วกัน หลังเสร็จสิ้นคำอวยพร จะมีการดื่มสุราร่วมกัน ผู้นำหมู่บ้านทางจิตวิญญาณ จะไปประกอบทำพิธีอวยพรให้ลูกบ้านครบทุกหลังคาเรือน หลังจากนั้นจะมีการล้มสัตว์เลี้ยง เช่น หมู วัว ควาย ฯลฯ แจกจ่ายทำอาหารเลี้ยงกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบัน การดำรงชีพ และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป จะขึ้นอยู่กับแต่ละชุมชนจะตกลงกันอย่างไร โดยการใช้วิธีการแบบดั้งเดิมจะน้อยลง ยกเว้นในพื้นที่ชนบทจริง ๆ ยังมีให้เห็นอยู่โดยทั่วไปจนถึงปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมาชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ถิ่นฐานดั้งเดิมโบราณกาลของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง อาศัยอยู่ในบริเวณประเทศมองโกเลีย เมื่อกว่าหลายพันปีมาแล้ว ต่อมาได้หนีภัยสงครามมาอยู่ที่ประเทศธิเบต และเมื่อถูกรุกรานจากกองทัพจีน ก็ถอยร่นลงมาทางใต้เรื่อย ๆ จนกระทั่งลงมาถึงดินแดนลุ่มแม่น้ำสาละวิน ในเขตประเทศพม่าปัจจุบัน กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเป็นชนชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในบริเวณภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันตกของประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่อพยพมาจากประเทศพม่าทั้งสิ้น จำนวนประชากรปัจจุบัน ประมาณ 1 ล้านคนเศษ ซึ่งกระจัดกระจายทั่วไป ประมาณ 17 จังหวัด ส่วนใหญ่จะกระจัดกระจายตามแนวชายแดนไทย – ติดต่อรัฐกะเหรี่ยงก่อทูเล และรัฐคะยา ซึ่งเป็นอีกแคว้นหนึ่ง ในประเทศพม่า กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ได้อพยพเข้ามาในอาณาจักรล้านนา ซึ่งสมัยนั้นยังขึ้นอยู่กับประเทศสยาม ปัจจุบัน คือ ประเทศไทย ได้เปลี่ยนชื่อประเทศใหม่ เป็น ประเทศไทย สมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย