Reporter&Thai Army

” ปลูก ปรุง กิน ” กับทหารพันธุ์ดี กองทัพภาคที่ 3…ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษกินเองที่บ้านภายในหน่วยทหาร ทั้งประหยัด ทั้งสุขภาพดี! @Eat Better

” ปลูก ปรุง กิน ” กับทหารพันธุ์ดี กองทัพภาคที่ 3…ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษกินเองที่บ้านภายในหน่วยทหาร ทั้งประหยัด ทั้งสุขภาพดี! @Eat Better

กองทัพภาคที่ 3 ได้รังสรรค์ โครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ ( เกษตรอินทรีย์ ) กองทัพภาคที่ 3 และการเพาะต้นกล้าพันธุ์ผักสวนครัวแก่กำลังพล เพื่อสนองพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้ขยายพื้นที่การดำเนินโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ(เกษตรอินทรีย์) ไปยังหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ และ โดย พื้นที่กองร้อยมณฑลทหารบกที่ 39 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และมณฑลทหารบกที่ 38 ค่ายสุริยพงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ได้นำเมล็ดที่ได้รับนำมาเพาะกล้า อาทิ พริกหยวก พริกขี้หนู พริกกระเหรี่ยง กระเพรา มะละกอ คะน้า มะเขือเทศ และแจกจ่ายให้กับกำลังพลและครอบครัว เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้แก่กำลังพลและประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งดำเนินการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ เพื่อนำเอาผลผลิตของข้าวเปลือกอินทรีย์ ไปเป็นเมล็ดพันธุ์ สำหรับแจกจ่ายให้กับครอบครัวกำลังพลและประชาชนด้วย ตั้งแต่การเพาะเมล็ดพันธุ์ผัก จัดทำโรงเพาะชำต้นกล้า เพื่อสนับสนุนให้กับกำลังพลและครอบครัว อีกทั้ง เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพลและครอบครัว ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการขยายผลการดำเนินงาน โครงการเดินตามรอยเท้าพ่อแบบเกษตรอินทรีย์ด้วย

 

กองทัพภาคที่ 3 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ยึดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทำเป็นสวนผสม ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ทั้งการปลูกผักสวนครัว การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ปลูกไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุก และมีโรงปุ๋ยหมักอินทรีย์ชีวภาพผลิตไว้ใช้ในค่ายทหาร เพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสำนึก กำลังพลและครอบครัวในการพึ่งพาตนเอง พร้อมแบ่งปันคนรอบข้าง

พันโท ทรงสิทธิ์ รอดสการ ผู้ช่วยนายทหารฝ่ายกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และตามแนวพระราชปณิธานแห่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงจะ ” สืบสาน รักษา ต่อยอด ” สืบมาแต่พระบรมชนกนาถ

ที่มุ่งเน้นให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน และใช้จ่ายเงินได้อย่างพอเพียงและประหยัด ตามกำลังของบุคคลนั้นๆ โดยปราศจากการกู้หนี้ยืมสิน และถ้ามีเงินเหลือก็แบ่งเก็บออมไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน โดยนำมาปรับใช้ในค่ายทหาร ด้วยการทำสวนผสมที่มีทั้งการจัดตั้งธนาคารไก่ เพื่อรับฝากเลี้ยงไก่ของทหารในค่าย การขุดบ่อเลี้ยงปลา ทั้งปลาดุก ปลานิลแดง การปลูกไม้ยืนต้น เช่น ไม้สักทอง การปลูกพืชผักสวนครัว เช่น พริก มะนาว มะเขือ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ รวมทั้งผลไม้ ตามฤดูกาล และผลไม้พันธุ์โบราณหายากเพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ไว้

นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำโรงปุ๋ยหมักอินทรีย์ชีวภาพเพื่อผลิตปุ๋ยไว้ใช้ในค่ายทหาร ทั้งที่เป็นปุ๋ยแห้ง และปุ๋ยน้ำหรือที่เรียกว่าน้ำหมักชีวภาพ ในการนำมาใช้รดพืชผักต่างๆ ในศูนย์ ในศูนย์การเรียนรู้ตามหน่วยทหารและโรงเพาะชำต้นกล้า ดังกล่าว โดยจะมีกำลังทหาร สลับผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาดูแลคอยรดน้ำพรวนดินและให้อาหารสัตว์เป็นประจำ ผลผลิตที่ได้จากศูนย์การเรียนรู้ฯ จะนำไปแบ่งปันกันในค่ายทหาร เพื่อนำไปประกอบอาหาร เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง ส่วนผลผลิตใดที่มีเป็นจำนวนมากก็จะนำไปจำหน่ายเพื่อนำรายได้สนับสนุนกิจการกองพลต่อไป

 

นอกจากนี้ผู้ช่วยนายทหารฝ่ายกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 3 เผยด้วยว่า สำหรับภายในค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้มีการตั้งโรงเพาะชำกองร้อยมณฑลทหารบกที่ 39 โดยมีการเพาะชำกล้าไม้ต่างๆ เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยทหารและครอบครัวกำลังพลในการนำไปปลูก เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน เป็นการลดรายจ่าย และสามารถสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวได้อีกทางหนึ่งด้วย