จับมือเดินหน้า.. แม่ทัพภาคที่ 3 กำชับทุกหน่วยงานประสานร่วมมือแก้หมอกควัน……ส่งกำลังพล – ฮ.M 17 โปรยน้ำบรรเทาหมอกควันดับไฟป่า …ฝนหลวงเหนือเตรียมทำฝนเทียมต่อ….
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 10.00 น. พลโทฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานแถลงข่าวกองบัญชาควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า พร้อมตรวจความพร้อมอุปกรณ์และกำลังพลชุดดับไฟป่า ณ ค่ายกาวิละ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมหารือกับนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงใหม่ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ณ สนาม เฮลิคอปเตอร์ ภายในมณฑลทหารบกที่ 33 ( มทบ. 33 ) จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกำชับเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า
ด้าน พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า วันนี้มาติดตามแผนปฏิบัติการ หรือ Action Plan ที่มุ่งเน้นการปฎิบัติการเชิงรุกต่อพื้นที่ไฟป่าที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษหมอกควัน แม้ขณะนี้สภาพอากาศของ จังหวัดเชียงใหม่ จะดีขึ้น จุดความร้อน หรือ ฮอทสปอตจะน้อย แต่ก็ได้รับผลกระทบจากจังหวัดข้างเคียง จึงได้มีการกำหนดมาตรการห้ามเผาทั้ง 17 จังหวัด เพื่อบูรณาการและแก้ไขปัญหาร่วมกัน ส่วนแผนปฏิบัติการวันนี้ จะส่งกำลังพลและอากาศยานเข้าไปดับไฟป่าในพื้นที่ดอยพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง นอกจากนี้กองทัพอากาศจะส่งเฮลิคอปเตอร์ MI 17 ช่วยโปรยน้ำในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ด้วย
“ปัญหามลพิษจากไฟป่าเกิดขึ้นทุกปีในห้วงเวลานี้ แต่สภาพเศรษฐกิจสังคมที่เติบโต และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นายกรัฐมนตรีจึงห่วงใยผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ตั้งศูนย์สั่งการขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ต้องยอมรับว่าเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ภาคเหนือมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง และเมืองเป็นแอ่งกระทะ ขณะที่บนภูเขาสูงหลายแห่งยังมีการเพาะปลูกอยู่ แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจเติบโต และเมืองขยายตัวจึงทำให้สภาพปัญหารุนแรงขึ้น แต่อีกไม่นานก็จะผ่านไป โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้เข้ากระชับการทำงาน ประสานงาน และประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรับรู้และแก้ไขปัญหาร่วมกัน” แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว
ด้านนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดได้ประกาศเขตห้ามเผาทั้งจังหวัดตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา จากเดิมกำหนดไว้ 1 มีนาคม 2562 – 30 เมษายน 2562 เพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการควบคุมหมอกควันจากด้านใต้ที่จะพัดเข้ามาในตัวเมือง ขณะเดียวกันก็จะใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มข้นกับผู้ที่ลงมือเผาด้วย
ขณะที่ นางสาว หนึ่งฤทัย ตันติพลับทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กล่าวว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตรสนับสนุนการแก้ปัญหามาตั้งแต่พื้นที่ในกรุงเทพฯ ส่วนภาคเหนือก็พร้อมให้การสนับสนุนเช่นกัน หากมีโอกาสก็พร้อมจะทำฝนหลวงเพื่อช่วยชะล้างมลพิษหมอกควัน โดยเฉพาะ จังหวัดเชียงใหม่, ลำพูน ,ลำปาง ,แพร่ ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงมีผลกระทบมาก จึงจะเน้นในจุดวิกฤตหากสภาพอากาศเอื้ออำนวยฝนหลวงก็จะขึ้นปฎิบัติการทันที
สถานการณ์มลพิษหมอกควันวันนี้ ( 16 กุมภาพันธ์ 2562) สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ บริเวณศูนย์ราชการ จังหวัดเชียงใหม่ วัดค่า PM 2.5 ได้ 53 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ บริเวณสี่แยกกลางเวียง อำเภอเมืองเชียงใหม่ PM 2.5 อยู่ที่ 48 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และบริเวณ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 48 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยทุกจุดอยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศปานกลางจนเริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ